บทความหน้าสาม : 15 แอพพลิเคชั่นที่ผู้ปกครองต้องระวัง
เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา เครือข่าย ซีบีเอส รายงานข่าวเรื่องแอพพลิเคชั่นอันตราย ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจออกมาเตือนผู้ปกครองทั่วประเทศให้ระมัดระวัง เพราะอาจจะเป็นเครื่องมือของมิจจาชีพ หรือคนโรคจิตคิดร้ายกับเด็ก สามารถใช้เป็นช่องทางติดต่อหรือล่อลวงเด็กๆ ได้อย่างง่ายดาย
ข่าวบอกว่าในช่วงระหว่างวันที่ 17-20 กรกฏาคม ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่เชอรีฟของ ซาราโซต้า เคาน์ตี้ รัฐฟลอริด้า ได้ทำการจับกุมผู้ต้องหาถึง 25 คนที่พยายามจะมีเพศสัมพันธ์กับเด็กๆ ผ่านแอพต่างๆ จำนวน 6 แอพ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้เป็นเครื่องมือหลอกล่อ... ซึ่งตัวเลขการจับกุมดังกล่าวถือว่าสูงกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ค่อนข้างมาก เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ต้องออกประกาศเตือนผู้ปกครอง ที่อาจจะไม่รู้ไม่เท่าทันเทคโนโลยีชนิดนี้โดยทันที
โดยแอพพลิเคชั่น ที่เจ้าหน้าที่ระบุว่า “ผู้ปกครองต้องจับตา” มีอยู่ด้วยกัน 15 ชนิด คือ
MeetMe เป็นแอพ ที่มีวัตถุประสงค์ในการ “หาคู่เดท” ที่บรรดาผู้ใช้วัยรุ่นหรือเด็กๆ สามารถได้รับการติดต่อจากผู้ใช้ที่มีอายุมากกว่าได้อย่างง่ายดาย
WhatsApp และ SnapChat เป็นแอพสำหรับการส่งข้อความ (messaging) ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย แต่ที่ผู้ปกครองควรรู้ก็คือ แอพสองชนิดนี้ วัยรุ่นสามารถส่งข้อความได้แบบไม่จำกัด รวมถึงการพูดคุยผ่านระบบวิดีโอ (video chats) และแชร์โลเคชั่นให้กับผู้ใช้คนอื่น ที่ลูกหลานเราอาจจะไม่รู้จักได้อีกด้วย
ต่อมาคือแอพพลิเคชั่นชื่อ Skout เป็นแอพสำหรับทักทายกัน หรือ flirting app สำหรับพบปะและพูดคุยกับคนแปลกหน้า แม้ว่าจะมีการแยกกลุ่มวัยรุ่นและผู้ใหญ่อย่างชัดเจน แต่ไม่มีหลักเกณฑ์ใดๆ ในการป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ลดอายุตัวเองเพื่อเข้ามา “ส่อง” เด็กๆ ได้
TikTok เป็นอีกแอพพลิเคชั่นสำหรับสร้างสรรค์วิดีโอสั้น น่ารักๆ หรือตลกๆ ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มเด็กๆ หรือวัยรุ่นยุคนี้ แต่ที่เจ้าหน้าที่เป็นห่วงก็คือ ส่วนหนึ่งของวิดีโอที่สร้างโดยแอพตัวนี้ มีข้อความหยาบคาย เชิญชวนไปในทางที่ไม่เหมาะสม หรือมีเนื้อหาที่เหมาะสำหรับผู้ใหญ่ด้วย
Badoo และ Bumble เป็นแอพสำหรับหาคู่เดทสำหรับผู้ใหญ่ แต่วัยรุ่นสามารถสมัครเข้าร่วมได้ง่ายมาก
Grindr เป็นแอพที่จัดทำขึ้นสำหรับผู้ใช้กลุ่ม LGBTQ โดยเฉพาะ เป็นแอพที่อนุญาตให้ผู้ใช้แชร์รูปและนัดพบได้โดยเครือข่าย จีพีเอส ของโทรทัศน์...
Kik เป็นแอพที่เจ้าหน้าที่เชอรีฟของ ซาราโซต้า เคาน์ตี้ บอกว่าสร้างขึ้นมาสำหรับเด็กโดยเฉพาะ (specifically for kids) แต่ถ้าเข้าไปดูแอพตัวนี้จริงๆ แล้วจะเห็นว่าเป็นแอพระดับ 17+ แต่ทุกคนสามารถสมัครเข้าร่วมได้ ดังนั้นผู้ใช้ทุกคน ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ หรือมีวัตถุประสงค์ใด ต่างสามารถติดต่อหรือส่งข้อความตรงถึงเด็กๆ ของเราได้แบบง่ายดาย อีกยังเป็นแอพที่เด็กๆ ของเราเองก็สามารถ bypass หรือข้ามผ่านระบบส่งข้อความแบบปกติ เข้าไปสู่ระบบที่ “ผู้ใหญ่เล่นกัน” ได้แบบง่ายดายอีกด้วย
LiveMe เป็นแอพพลิเคชั่นสำหรับไลฟ์สด หรือ live streaming ที่เด็กๆ ของเราไม่มีทางรู้เลยว่าใครจะดูอยู่บ้าง หรือโลเคชั่นของเราถูกแชร์ให้ใครบ้าง...
Holla เป็นแอพที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อพูดคุยติดต่อกับ “คนแปลกหน้า” จากทั่วโลกผ่านการพูดคุยทางวิดีโอ (video chat) ที่ไม่มีการควบคุมหรือเซ็นเซอร์ใดๆ ทั้งสิ้น ดังนั้นสิ่งร้ายๆ ที่เด็กๆ จะเจอจากการเข้าไปใช้แอพตัวนี้ มีสารพัด ตั้งแต่ถ้อยคำหยาบคาย ไปจนถึงการโชว์ลามกอนาจาร ฯลฯ
Whisper เป็นแอพพลิเคชั่นสำหรับ “ระบายอารมณ์” หรือ social confessional ซึ่งเด็กๆ สามารถบอกเล่าระบายความรู้สึกต่างๆ โดยไม่ต้องเปิดเผยตัวตน ขณะเดียวกัน แอพตัวนี้ก็สามารถเป็นสื่อในการนัดพบหรือแชร์โลเคชั่นได้... ดังนั้นหากมิจจาชีพเกิดจับจุด จับประเด็นที่ทำให้เด็กๆ ของเราอ่อนไหว (จนต้องมาระบายผ่านแอพ) ได้ก็ถือว่าอันตรายทีเดียว
ASKfm เป็นแอพพลิเคชั่น ที่ยุยงส่งเสริมให้ผู้ใช้เปิดตัวให้ยูสเซอร์นิรนามทั่วโลก ถามคำถามต่างๆ กับตัวเองได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่เชอรีฟบอกว่า เป็นการเปิดโอกาสให้เด็กๆ ของเราถูก “บูลลี่ ออนไลน์” ได้
Hot or Not เป็นแอพสำหรับหาคู่ ที่เปิดโอกาสให้ยูสเซอร์ให้คะแนนกันเองจากรูปโปรไฟน์ เป็นแอพที่ไม่มีการจำกัดอายุผูใช้ ดังนั้นยูสเซอร์ทุกคนทุกวัย สามารถ “ติดต่อ” หรือนัดพบกันได้โดยเสรี
และแอพพลิเคชั่น (กลุ่ม) สุดท้ายที่ถูกผู้รักษากฎหมายของรัฐฟลอริด้ายกมาเตือนผู้ปกครอง คือแอพสำหรับซ่อนรูป คลิปวิดีโอ หรือกระทั่งประวัติการท่องเว็บของเด็กๆ ซึ่งมีมากมายหลายแอพ เช่น Calculator%, secret Calculator ที่ซ่อนตัวเองมาในรูปของเครื่องคิดเลข หากผู้ปกครองไม่ทราบพาสเวิร์ดของมัน แอพตัวนี้ก็คือเครื่องคิดเลขดีๆ นี่เอง
ฟังดูเป็นเรื่องเป็นเรื่องยากสำหรับผู้ปกครองในการสอดส่องพฤติกรรมการ “ออนไลน์” ของลูกหลานในยุคนี้ โดยเฉพาะในยุคที่เทคโนโลยีก้าวเร็วตนตามไม่ค่อยทัน บวกกับ “เส้นคั่น” ของความเป็นส่วนตัว ของลูกหลานที่เป็นวัยรุ่น ซึ่งหากข้ามเส้นแบบบุ่มบ่ามผลที่ได้รับอาจจะไม่สวยนัก แต่เจ้าหน้าที่เชอรีฟฯ ให้กำลังว่าการให้ความสนใจ หรือทำให้เด็กรู้สึกว่าให้ความสนใจ เช่นถามไถ่พูดคุย ย่อมเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี
นอกจากนี้ ยังแนะนำเว็บไซต์ Common Sense Media (www.commonsensemedia.org) ซึ่งจัดทำขึ้นมาสำหรับผู้ปกครองยุคนี้โดยเฉพาะ เป็นเว็บไซต์ที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับแอพพลิเคชั่นทุกชนิดที่เด็กๆ และวัยรุ่นนิยมกัน รวมถึงเกมและภาพยนตร์ด้วย แถมยังมีข้อแนะนำดีๆ ในการ “จับตา” การใช้แอพต่างๆ ของลูกหลานอีกด้วย
เป็นเรื่องที่ผู้ปกครองยุคนี้ต้องใส่ใจ เพราะอย่างที่ ทอม ไนท์ หัวหน้าเชอรีฟของ ซาราโซต้า เคาน์ตี้ บอกกับ ซีบีเอสว่า “เป็นโชคไม่ดีของผู้ปกครอง ที่อินเตอร์เน็ต เปิดช่องให้คนแปลกหน้าที่ซ่อนตัวเองอยู่หลังคอมพิวเตอร์ สามารถเข้าถึงเด็กๆ ของเราได้ง่าย โดยที่ไม่ต้องแสดงตัวเลย...”
นำเสนอข่าวโดย : ภาณุพล รักแต่งาม,
แหล่งที่มาข่าวโดย : สยามทาวน์ยูเอส