หนึ่งในข่าวใหญ่ที่สื่อมวลชนอเมริกันให้ความสนใจอย่างมากของสัปดาห์นี้ คือข่าวของวอลมาร์ท ประกาศยุติจำหน่ายกระสุนปืนพกและปืนไรเฟิลลำกล้องสั้น ตามแรงกดดันที่เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะมีเหตุกราดยิงเกิดขึ้นในอเมริกาซ้ำแล้ว รวมถึงการกราดยิงในห้างวอลมาร์ท ในเมืองเอลปาโซ รัฐเทกซัส เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่มีผู้เสียชีวิตมากถึง 22 ศพ
โดย ดัก แมคมิลลอน ซีอีโอวอลมาร์ท ระบุในถ้อยแถลงที่ส่งถึงพนักงานของบริษัทและเผยแพร่ทางเว็บไซต์ของบริษัทเมื่อวันอังคารที่ 3 กันยายน ระบุเป็นที่ชัดเจนว่า สภาพที่เป็นอยู่ของอาวุธปืน เป็นสิ่งที่รับไม่ได้ วอลมาร์ทจะเลิกจำหน่ายกระสุนปืนพก และปืนไรเฟิลลำกล้องสั้น ซึ่งเป็นปืนที่ถูกระบุว่าใช้ในการล่าสัตว์ แต่มีลักษณะเหมือนปืนทหาร
ผู้บริหารของวอลมาร์ท บอกด้วยว่ามีแผนจะเลิกขายปืนพกในรัฐอลาสกา ซึ่งเป็นรัฐเดียวในสหรัฐที่วอลมาร์ทยังขายปืนชนิดนี้อยู่ แต่ยังคงจำหน่ายปืนไรเฟิลลำกล้องยาวที่ใช้ล่ากวางและปืนลูกซอง รวมถึงกระสุนสำหรับปืนชนิดดังกล่าวต่อไป โดยบอกว่าวอลมาร์ทจะเน้นไปที่ลูกค้าที่ต้องการปืนสำหรับล่าสัตว์และการยิงปืนเพื่อการกีฬา
นอกจากนี้ ผู้บริหารของวอลมาร์ท ยังได้ประกาศขอร้องลูกค้าที่มาใช้จับจ่ายใช้สอยในห้างวอลมาร์ทและแซมส์คลับ ว่าอย่าพกอาวุธปืนเข้ามาในวอลมาร์ทอย่างเปิดเผย แม้จะเป็นสาขาในรัฐที่สามารถทำได้ตามกฎหมายก็ตาม เพราะภายใต้สถานการณ์ที่เป็นอยู่ การพกปืนแบบเปิดเผยเช่นนั้น อาจส่งผลให้เกิดความกลัว และอาจต้องอพยพลูกค้าได้
ดัก แมคมิลลอน เผยด้วยว่า การจำกัดการจำหน่ายกระสุนปืนของบริษัท จะทำให้ส่วนแบ่งการตลาดกระสุนปืนของบริษัทจากเดิมที่อยู่ราว 20 เปอร์เซ็นต์ ลดเหลือราว 6-9 เปอร์เซ็นต์ และเรียกร้องต่อสภาคองเกรสให้ผ่านกฎหมายควบคุมอาวุธที่เข้มงวดขึ้นอีกด้วย
เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เกิดเหตุกราดยิงที่ห้างวอลมาร์ทในเมืองเอลปาโซ รัฐเทกซัส มีผู้เสียชีวิต 22 ศพ และอดีตพนักงานวอลมาร์ทยิงพนักงาน 2 คนเสียชีวิตที่รัฐมิสซิสซิปปี.
.
.