เอพีรายงานเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน ที่ผ่านมา ถึงระเบียบใหม่ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ สำหรับการออกวีซ่าเกือบทุกประเภท นั่นคือผู้ยื่นขอวีซ่าเข้าประเทศสหรัฐฯ จะต้องบอกยูสเซอร์เนมของโซเชียลมีเดีย เช่นเฟสบุ๊ก หรือทวิตเตอร์ ฯลฯ พร้อมทั้งหมายเลขโทรศัพท์และอีเมล์ ที่ใช้ในระยะห้าปีที่ผ่านมาด้วย

ความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวนี้ ข่าวบอกว่าเป็นผลมาจากท่าทีของรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ต้องการให้เพิ่มความกวดขันในการตรวจสอบประวัติของชาวต่างชาติที่ประสงค์จะเดินทางเข้าประเทศ และว่าจะมีผลกับผู้ยื่นขอวีซ่าเข้าสหรัฐฯ ทุกประเภท ซึ่งมีมากถึงปีละประมาณ 15 ล้านคน

ที่ผ่านมา การตรวจสอบประวัติอย่างละเอียด ผ่านโซเชียลมีเดีย และประวัติการใช้โทรศัพท์ของผู้ประสงค์จะเดินทางเข้าประเทศนั้น สหรัฐฯ จะใช้เฉพาะบุคคลที่ถูกระบุว่าต้องตรวจสอบเป็นพิเศษ (extra scrutiny) เช่นคนที่เคยเดินทางไปในประเทศที่ถูกควบคุมโดยกลุ่มก่อการร้ายเท่านั้น ซึ่งประเมินว่าแต่ละปี มีผู้ยื่นขอวีซ่าในกลุ่มนี้ประมาณ 65,000 คน

ข่าวบอกด้วยว่า ระเบียบใหม่ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ จะมีผลบังคับใช้กับผู้ยื่นขอวีซ่าทุกประเภท ทั้ง immigrant visa (หรือวีซ่าสำหรับผู้ประสงค์จะเข้ามาอยู่แบบถาวร) ซึ่งทางกระทรวงการต่างประเทศ ประเมินว่าจะมีกับผู้ยื่นขอวีซ่าไม่ต่ำกว่า 710,000 คนต่อปี และ nonimmigrant visa หรือวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยว นักธุรกิจ รวมถึงวีซ่านักเรียน ซึ่งประเมินว่าจะมีผลกับผู้ยื่นไม่ต่ำกว่า 14 ล้านคนต่อปี

นอกเหนือจากการตรวจสอบประวัติการใช้โซเชียลมีเดียแล้ว ผู้ยื่นขอวีซ่าเข้าสหรัฐฯ ยังต้องให้หมายเลขโทรศัพท์ที่ใช้ในช่วงห้าที่ผ่านมา รวมถึงอีเมล์ ประวัติการเดินทางระหว่างประเทศ ประวัติการถูกเนรเทศ  รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับครอบครัวของผู้ยื่นขอวีซ่าว่าเคยเกี่ยวข้องกับกิจกรรมที่เข้าข่ายก่อการร้ายหรือไม่

อย่างไรก็ดี ระเบียบใหม่นี้มีข้อยกเว้นสำหรับวีซ่าการทูตและวีซ่าของเจ้าหน้าที่รัฐ (official visa) บางประเภท.
.
.