เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม ที่ผ่านมา โรเบิร์ต มุลเลอร์ อัยการพิเศษสหรัฐฯ ได้เปิดแถลงข่าวการลาออกจากตำแหน่งอัยการพิเศษ และแถลงถึงผลการสืบสวนของเขาในข้อกล่าวหารัสเซียแทรกแซงศึกเลือกตั้งปี 2016 ซึ่งถือเป็นการแถลงครั้งแรกของเขาหลังจากเริ่มต้นทำงานนี้มากว่าสองปี

โดยโรเบิร์ต มุลเลอร์ กล่าวว่า การตั้งข้อหาอาญากับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์  นั้น “ไม่ใช่ทางเลือก” โดยอ้างถึงนโยบายของกระทรวงยุติธรรมที่ระบุชัดว่าไม่สามารถดำเนินคดีกับประธานาธิบดีระหว่างอยู่ในตำแหน่ง (sitting president) wfh

“ภายใต้นโยบายของกระทรวงที่เรายึดถือมายาวนาน ประธานาธิบดีจะถูกตั้งข้อหาอาญาไม่ได้ในระหว่างอยู่ในตำแหน่ง ถือเป็นการผิดรัฐธรรมนูญ” มุลเลอร์กล่าว “การตั้งข้อหาอาญาต่อประธานาธิบดีสหรัฐฯ จึงเป็นทางเลืกที่เราไม่สามารถนำมาพิจารณาได้”


ในการแถลงต่อสาธารณะครั้งแรกของ โรเบิร์ต มุลเลอร์ ตั้งแต่เริ่มดำเนินการสืบสวนเมื่อเดือนพฤษภาคม 2017 นี้ เขาบอกด้วยว่าถึงจะดำเนินคดีกับประธานาธิบดีทรัมป์ไม่ได้ แต่ผลจากการสอบสวนก็ไม่ได้ขจัดข้อสงสัยเกี่ยวกับพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของทรัมป์ ว่าข้องเกี่ยวกับการแทรกแซงการเลือกตั้งของรัสเซียหรือไม่ และชี้ว่ายังมีทางเลือกอื่นๆ ที่จะทำให้ให้ประธานาธิบดีต้องรับผิดชอบต่อการกระทำต่างๆ ของเขา

“รัฐธรรมนูญกำหนดกระบวนการอื่นๆ นอกเหนือจากระบบยุติธรรมทางอาญาในการฟ้องร้องประธานาธิบดีที่อยู่ในตำแหน่งฐานประพฤติผิดใดๆ" มุลเลอร์กล่าว

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งพยายามลบล้างความน่าเชื่อถือของ โรเบิร์ต มุลเลอร์ โดยการกล่าวหาว่าการสอบสวนของเขาคือการ “ล่าแม่มด” ได้ทวิตข้อความเกี่ยวกับการแถลงข่าวครั้งนี้ว่า “ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงจากรายงานของมุลเลอร์” และว่าผลการสอบสวนพบหลักฐานไม่เพียงพอ ดังนั้นเรื่องนี้สมควรจบๆ ไปเสียที ก่อนลงท้ายว่า “ปิดคดี ขอบคุณมาก”

ข่าวบอกว่าขณะนี้ เหล่าสมาชิกเดโมแครตในสภาคองเกรสกำลังถกเถียงกันว่าจะเดินหน้ากระบวนการถอดถอนประธานาธิบดีทรัมป์หรือไม่ ขณะที่ทำเนียบขาว และเหล่าสมาชิกระดับสูงของพรรครีพับลิกันหลายคนบอกว่า ถึงเวลาแล้วที่ต้องก้าวผ่านประเด็นนี้ และเดินหน้าสู่ประเด็นอื่นๆ ต่อไป

รายงานเวอร์ชันตัดทอนของมุลเลอร์ ซึ่งถูกนำออกเผยแพร่เมื่อเดือนเมษายน สรุปว่ารัสเซียแทรกแซงศึกเลือกตั้งปี 2016 ซ้ำๆ และทีมรณรงค์หาเสียงของทรัมป์ติดต่อกับเจ้าหน้าที่รัสเซียบ่อยครั้ง แต่ไม่ได้สรุปให้ชัดเจนว่ามีการสมคบคิดกับมอสโก เพื่อให้ได้ทรัมป์ ได้รับชัยชนะในศึกชิงเก้าอี้ทำเนียบขาว

นอกจากนี้แล้วรายงานของมุลเลอร์ไม่ได้สรุปเช่นกันว่าทรัมป์ขัดขวางกระบวนการยุติธรรมหรือไม่  แม้จะระบุตัวอย่างถึง 10 กรณี ที่เห็นได้ชัดเจนว่าประธานาธิบดีทรัมป์พยายามกีดขวางการสืบสวน รวมถึงความพยายามในการปลดโรเบิร์ต มุลเลอร์ ออกจากตำแหน่งด้วย

มุลเลอร์ ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการเอฟบีไอช่วงปี 2001 ถึง 2013 บอกว่า เขาจะไม่ให้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติมนอกเหนือจากเนื้อหาที่อยู่ในรายงาน 448 หน้าของเขา ซึ่งข่าวบอกว่าเป็นการส่งสัญญาณถึงสมาชิกเดโมแครตว่า เขาจะไม่เป็นเครื่องมือสำหรับใช้ถอดถอนประธานาธิบดีทรัมป์อีกต่อไป แม้ว่าจะถูกเรียกตัวไปให้การต่อรัฐสภาก็ตาม

"นอกเหนือจากที่ผมพูดในวันนี้และสิ่งที่อยู่ในรายงาน ผมเชื่อว่ามันคงไม่เหมาะสมหากผมจะพูดถึงเรื่องนี้อีกในอนาคต" เขากล่าว.
.
.