สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) รายงานว่า รัฐบาลสหรัฐฯ มีงบประมาณเกินดุลครั้งแรกในรอบหลายปี เมื่อในเดือนมิถุนายน 2025 เป็นผลจากรายได้ภาษีศุลกากรที่เพิ่มขึ้น ซึ่งช่วยหนุนให้รายรับโดยรวมของรัฐบาลเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดยอ้างข้อมูลของกระทรวงการคลัง ที่เปิดเผยเมื่อวันที่ 11 กรกฏาคม 2025
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศเรียกเก็บภาษีศุลกากรพื้นฐาน 10% ต่อประเทศต่างๆ ทั่วโลกตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา รวมทั้งเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ (reciprocal tariffs) ต่อประเทศคู่ค้าหลายรายที่จะมีผลในวันที่ 1 สิงหาคมนี้
ที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐขาดดุลงบประมาณอย่างต่อเนื่อง โดยขาดดุล 316,000 ล้านดอลลาร์ในเดือนพฤษภาคม แต่ในเดือนมิถุนายน รัฐบาลกลับมีงบประมาณเกินดุลมากกว่า 27,000 ล้านดอลลาร์
ข้อมูลบอกด้วยว่า ในเดือนมิถุนายน 2024 สหรัฐมีงบประมาณขาดดุล 71,000 ล้านดอลลาร์ และ ครั้งสุดท้ายที่สหรัฐมีงบประมาณเกินดุลในเดือนมิถุนายน คือในปี 2017 ซึ่งเป็นช่วงที่ทรัมป์อยู่ในตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยแรก
การเกินดุลงบประมาณดังกล่าว ทำให้ยอดขาดดุลสะสมตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ (ตุลาคม 2024-มิถุนายน 2025) ของรัฐบาลลดลง 1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มาอยู่ที่ 1.34 ล้านล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ การเก็บภาษีศุลกากรที่เพิ่มขึ้น ทำให้ประเทศมีรายได้จากภาษีศุลกากรในเดือนมิถุนายน 27,000 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจาก 23,000 ล้านดอลลาร์ในเดือนพฤษภาคม และเพิ่มขึ้นถึง 301% เมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายน 2024
และเมื่อพิจารณาตั้งแต่ต้นปีงบประมาณปัจจุบัน รายได้รวมจากภาษีศุลกากรอยู่ที่ 113,000 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 86% จากปีงบประมาณที่แล้ว
อย่างไรก็ดี อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่อยู่ในระดับสูง ยังคงสร้างภาระต่อสถานะการเงินของรัฐบาลสหรัฐ โดยดอกเบี้ยสุทธิที่รัฐบาลต้องจ่ายจากหนี้สาธารณะจำนวน 36 ล้านล้านดอลลาร์ อยู่ที่ 84,000 ล้านดอลลาร์ในเดือนมิถุนายน ลดลงเล็กน้อยจากเดือนพฤษภาคม แต่ยังสูงกว่าหมวดอื่นๆ ยกเว้นประกันสังคม และเมื่อพิจารณาทั้งปีงบประมาณ ดอกเบี้ยสุทธิรวมอยู่ที่ 749,000 ล้านดอลลาร์ และมีการคาดการณ์ว่าการจ่ายดอกเบี้ยรวมทั้งปีจะสูงถึง 1.2 ล้านล้านดอลลาร์
ที่ผ่านมา ทรัมป์พยายามกดดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อบรรเทาภาระทางการเงินของรัฐบาลจากการชำระดอกเบี้ย แต่ตลาดคาดว่าเฟดยังคงไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยจนกว่าจะถึงเดือนกันยายน โดย เจอโรม พาวเวล ประธานเฟด กล่าวว่า เขาจะยังคงจับตาอย่างระมัดระวังเกี่ยวกับผลกระทบจากการเรียกเก็บภาษีศุลกากรที่มีต่อเงินเฟ้อ
ขณะเดียวกัน สำนักงานงบประมาณของสภาคองเกรส (CBO) คาดการณ์ว่า ร่างกฎหมายงบประมาณรายจ่ายฉบับใหม่ของทรัมป์ที่เพิ่งผ่านการอนุมัติของคองเกรสไปเมื่อต้นเดือนนี้ จะเพิ่มภาระหนี้สาธารณะของสหรัฐอีกราว 3.4 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วง 10 ปีข้างหน้า.