เครือข่าย เอ็นบีซี รายงานเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2025 โดยอ้างถึงบันทึก (memo) ของคณะทำงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ถึงสำนักงานสอบสวนกลาง หรือเอฟบีไอ เพื่อสั่งการให้สำนักงานภูมิภาค (field offices) ขนาดใหญ่ จำนวน 25 แห่งของเอฟบีไอ จัดสรรกำลังเจ้าหน้าที่ไม่น้อยกว่า 45 เปอร์เซ็นต์สำหรับทำงานที่เกี่ยวข้องกับผู้อพยพ แบบเต็มเวลา

โดยในลอส แอนเจลิส นั้น บันทึกข้อตกลงฯ สั่งการให้เอฟบีไอ จัดตั้งหน่วยปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายและเนรเทศ จำนวน 9 ทีม เพื่อมุ่งเป้าไปที่ผู้อพยพที่ไม่มีเอกสารแสดงตัวและอยู่เกินวีซ่า แม้ว่าพวกเขาจะไม่มีประวัติอาชญากรรมก็ตาม

บันทึกจากคณะทำงานของทรัมป์ฉบับนี้ มีขึ้นพร้อมๆ กับการเสนอตัดงบประมาณของเอฟบีไอ 5 เปอร์เซ็นต์ และเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่เอฟบีไอ มากกว่า 600 นายยอมเกษียณอายุก่อนกำหนดด้วย

ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับชุมชนผู้อพยพในอเมริกาเป็นอย่างมาก โดยกลุ่มเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิของผู้อพยพฯ ได้ออกมาเคลื่อนไหวทันที

“แทนที่จะตามล่าผู้ก่อการร้ายจริงๆ เรากำลังตามล่ากลุ่มคนที่มากวาดสนามหญ้าของเรา, ดูแลลูกหลาน, จัดเตรียมอาหาร, คนที่มาเก็บผักให้พวกเรา” ฮวน โฮเซ่ กูเทียเรซ ตัวแทนจากกลุ่มพันธมิตรเพื่อสิทธิของผู้อพยพ (the Full Rights for Immigrants Coalition) กล่าว และว่าสิ่งที่เกิดขึ้นถือเป็นเรื่องที่น่ากังวลใหญ่หลวง

“เพราะว่าใครจะดูแลปัญหาความมั่นคงของประเทศล่ะ ถ้าเอฟบีไอ ไม่ทำหน้าที่นั้นแล้ว” ฮวน โฮเซ่ กูเทียเรซ กล่าว

เอ็นบีซี บอกด้วยว่าการที่ทำเนียบขาวให้ความสนใจกับปัญหาผู้อพยพแบบจริงจัง โดยการทำงานผ่านหน่วยงานของรัฐบาลกลาง อย่างเอฟบีไอ ในพื้นที่ ได้สร้างความกังวลในด้านสวัสดิภาพและความเป็นอยู่ของคนในชุมชนมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะที่ผ่านมา หน่วยงานรักษากฎหมายท้องถิ่น เช่นสำนักงานตำรวจและสำนักงานเชอรีฟ ได้ยืนกรานว่าจะมีการบังคับใช้กฎหมายอิมมิเกรรั่นของรัฐบาลกลางโดยเด็ดขาด

โดยเมื่อวันพุธที่ 14 พฤษภาคม หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายอิมมิเกรชั่นและศุลกากร (ไอซ์) สำนักงานลอส แอนเจลิส แถลงว่ามีการจับกุมผู้อยู่อย่างผิดกฎหมายในแอลเอ และเมืองใกล้เคียงถึง 239 คน จากปฏิบัติที่ใช้เวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์ แต่ไม่เป็นที่แน่ชัดว่า เจ้าหน้าที่เอฟบีไอ สำนักงานลอส แอนเจลิส มีส่วนเกี่ยวข้องกับปฏิบัติการครั้งนี้ของไอซ์ หรือไม่.