ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ลงนามในคำสั่งคณะบริหารฉบับล่าสุดเมื่อวันจันทร์ที่ 12 พฤษภาคม 2025 เพื่อลดราคายารักษาโรคที่ต้องใช้ใบสั่งแพทย์ในสหรัฐฯ ลง โดยเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ โดยบอกว่า “เพื่อให้ชาวอเมริกันจ่ายเงินซื้อยาในราคาเท่ากับประเทศที่มีราคายาต่ำสุดในโลก”
โดยคำสั่งฝ่ายบริหารของทรัมป์ คือการสั่งการให้ โรเบิร์ท เอฟ เคนเนดี้ จูเนียร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสุขภาพและบริการมนุษย์ กำหนดเป้าหมายลดราคายาให้สำเร็จภายใน 30 วัน ซึ่งหมายความว่าเคนเนดี้ จูเนียร์จะต้องเปิดการเจรจากับบริษัทยาโดยเร่วด่วน
ทั้งนี้ ทรัมป์มีนโยบายลดราคายารักษาโรค ซึ่งเขาเห็นว่าเป็นสิ่งที่ประชาชนต้องการที่สุดมาตั้งแต่เมื่ออยู่ในตำแหน่งสมัยแรก โดยเรียกนโยบายของเขาว่า Most Favored Nation แต่ไม่สามารถทำได้เพราะถูกอุตสาหกรรมยารักษาโรค นำเรื่องฟ้องให้ระงับในชั้นศาล และต่อมาถูกยกเลิกโดยประธานาธิบดีโจ ไบเดน
แน่นอนว่านโยบายของทรัมป์ฉบับล่าสุด จะต้องเผชิญแรงต่อต้านรุนแรงจากอุตสาหกรรมยารักษาโรค ซึ่งถือว่าเป็นอุตสาหกรรมที่ “ทรงพลัง” ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศอีกครั้ง
ข่าวบอกด้วยว่า ท่าทีของทรัมป์ในวันนี้ ส่งผลให้ราคาหุ้นของบริษัทยาทั่วโลกดิ่งลงทันที เช่นราคาหุ้น Daiichi Sankyo บริษัทยายักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นซึ่งมีรายได้ 1 ใน 3 จากสหรัฐ ดิ่งลง 8 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ราคาหุ้นของ Pfizer, AbbVie, Eli Lilly และ Johnson & Johnson ของสหรัฐ, Novo Nordisk, GSK, Novartis และ AstraZeneca ซึ่งเป็นบริษัทยายักษ์ใหญ่ของยุโรป รวมถึงบริษัทยาจากจีน เกาหลีใต้ และต่างปรับตัวลงเช่นกัน.