บทความ : “ศึกสีผิว” บนบรรทัดฐาน “อเมริกัน-แวลลู” ยุคทรัมป์
หนึ่งในข่าว “เหยียดสีผิว” ที่เป็นกระแสอยู่ในเวลานี้ คือข่าวของผู้หญิงผิวขาวคนหนึ่งในเมืองโรเชสเตอร์ รัฐมินนิโซต้า ใช้คำ “N-word” เรียกจิกเด็กผิวดำอายุแค่ 5 ขวบที่เข้ามาใกล้เธอและลูกชาย แถมเมื่อเผชิญหน้ากับคนที่กำลังถ่ายคลิปวิดีโอ เธอก็ยังยืนยันว่าไม่ได้ทำอะไรผิด บอกว่าที่เรียกเด็กแบบนั้นก็เพราะ “เขาทำตัวแบบนั้นเอง”
โดย : ทีมข่าวสยามทาวน์ยูเอส
“เขาขโมยของของลูกฉัน” เธอให้เหตุผล อ้างว่าเห็นเด็กผิวดำเดินเตาะแตะมา “ล้วง” กระเป๋าใส่ไดเปอร์ของลูกเธอ
เหตุการณ์เกิดขึ้นในสนามเด็กเล่นแห่งหนึ่ง เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2025
แน่นอนว่าพฤติกรรมเหยียดหยามสีผิวแบบนี้ ถือเป็นเรื่องต้องห้าม แถมเหยื่อความหยาบคายยังเป็นเด็กทารกอีกด้วย หญิงผิวขาวรายนี้ก็เลยถูก “ทัวร์ลง” แบบฉ่ำๆ หลังจากพฤติกรรมต้องห้ามของเธอ มียอดวิวบนติ๊กต๊อก (ของ TizzyEnt) มากกว่าสิบล้านครั้งภายในเวลาไม่กี่วัน
สำนักงานดูแลสวนสาธารณะของเมืองโรเชสเตอร์ เจ้าของพื้นที่ก็ออกแถลงการณ์ทันทีว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ “น่ารังเกียจ” มาก และขอความร่วมมือสาธารณชนว่าหากพบเจอเหตุการณ์เหยียดผิวชังพรรณเช่นนี้ ให้ติดต่อหมายเลขไม่ฉุกเฉินของเทศบาลได้ทันที
นอกจากนี้ เทศบาลเมืองโรเชสเตอร์ ก็ออกแถลงการณ์ยาวเหยียดผ่านเฟสบุ๊กด้วย บอกว่าได้รับทราบถึงเหตุการณ์น่ารังเกียจที่เกิดขึ้นในสวนสาธารณะของเทศบาลแล้ว และเทศบาลขอยืนยันว่าพื้นที่สาธารณะทุกแห่ง เป็นพื้นที่ที่ไม่แบ่งแยก ต้อนรับและเป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับชาวเมืองและแขกเยือนทุกคน
“เพื่อให้ทุกคนจากทุกภูมิหลังสามารถผ่อนคลาย เล่นและสังสรรค์กับเพื่อนฝูงและเพื่อนบ้านได้”
แถมข่าวท้องถิ่นของมินนิโซต้ายังบอกด้วยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจของเมืองโรเชสเตอร์ กำลังรวบรวมหลักฐานเกี่ยวกับเรื่องนี้ ถ้าพบว่าเป็นการทำผิดก็จะดำเนินคดีกับผู้หญิงคนนี้ด้วย โดยขอความร่วมมือกับผู้ที่อาจจะมีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้ติดต่อสำนักงานตำรวจที่หมายเลข 507-328-6800
หากเป็น “อเมริกายุคปกติ” ข่าวสะเทือนใจแบบนี้ ก็น่าจะจบลงแค่นี้…
แต่อเมริกา “ยุคทรัมป์ 2” ซึ่งเห็นพ้องต้องกันว่ามีความเปลี่ยนแปลงของ “คุณค่าความเป็นอมริกัน” หรือ American Value ขนานใหญ่… ข่าวนี้ก็เลยมีเรื่องราวต่อเนื่องมาให้ได้ฟังกันอีก…
ข่าวของฟ็อกซ์ บอกว่าหญิงผิวขาว ซึ่งตอบโต้กับเจ้าของคลิปแบบฉอดๆ ว่าไม่ได้ทำอะไรผิดนั้น ได้แปลงตัวเองเป็น “เหยื่อ” ที่ถูกคุกคาม (โดยคนผิวดำ) จนไม่สามารถดำรงชีวิตได้ตามปกติ มีการเปิดเพจขอรับบริจาคเงินบนเว็บ crowdfunding เป็นทุนรอนในการย้ายบ้าน พาครอบครัวหนีอันตรายที่กำลังคุกคามพวกเธออยู่
เธอขอความเห็นใจว่าเธอและครอบครัวกำลังตกอยู่ในอันตรายใหญ่หลวง เพราะกลุ่มคนที่เห็นว่าการ “สั่งสอนหัวขโมย” ของเธอเป็นความผิด ได้แฮคข้อมูลส่วนตัว ทั้งที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ และหมายเลขประกันสังคม ฯลฯ นำออกเผยแพร่ออนไลน์ ดังนั้นจึงต้องการเงินประมาณหนึ่งล้านดอลลาร์จากคนที่ยืนอยู่ข้างเธอ เพื่อย้ายหนีปัญหาทั้งหลายไปให้ไกลๆ
จนเมื่อวันศุกร์ที่ 2 พฤษภาคม หรือหลังจากเปิดเพจขอรับบริจาคเงินเพียงแค่ 2-3 วัน ข่าวบอกว่าเธอได้รับเงินบริจาคไปแล้วสี่แสนดอลลาร์ เชื่อว่าจะทะลุเป้าที่ตั้งเอาไว้ หนึ่งล้านดอลลาร์ ได้ไม่ยากเย็นนัก
ขณะเดียวกัน องค์กรเพื่อสิทธิคนผิวดำ หรือ NAACP สำนักงานเมืองโรเชสเตอร์ ก็เปิดเพจ crowdfunding เพื่อขอรับเงินบริจาคให้เด็กผิวดำวัยห้าขวบด้วยเช่นกัน บอกว่าจะเอาเงินไปใช้เรียกร้องความเป็นธรรม ทั้งทางกฎหมายและทางสังคมให้กับเด็กน้อยและครอบครัวของเขา อีกทั้งเป็นการต่อสู้เพื่อคนผิวดำทั้งหมดในโรเชสเตอร์ เพื่อป้องกันไม่ให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นมาอีก
“เรื่องนี้เป็นมากกว่าเหตุการณ์นี้เพียงเหตุการณ์เดียว แต่มันคือเรื่องของพวกเราในฐานะชุมชนที่ต้องแสดงจุดยืนร่วมกัน” NAACP ระบุ
องค์กรยักษ์ของคนผิวดำยังบอกด้วยว่า เด็กวัยห้าขวบที่ถูกด่าเหยียดนั้น เป็นเด็กออทิสติกด้วย
ณ วันศุกร์ที่ 2 พฤษภาคม หรือหลังจากเปิดเพจรับบริจาคเงินได้ประมาณ 2-3 วัน ข่าวบอกว่า NAACP ได้รับเงินบริจาคเข้ามาแล้วกว่าแสนดอลลาร์ จากเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ 250,00 ดอลลาร์
ขณะนี้ เรายังไม่รู้ว่า “ศึกสีผิว” บนเว็บ crowdfunding จะลงเอยแบบไหน หรือจะมีชาวอเมริกันเจ้าของประเทศให้ความสนใจติดตามมากน้อยแค่ไหน…
แต่สำหรับเราแล้ว เหตุการณ์ที่เหยียดสีผิวที่คนขาวสามารถพลิกตัวเองมาเป็นเหยื่อได้แบบหน้าตาเฉยแบบนี้ คือการตอกย้ำอีกครั้ง ให้เข้าใจตรงกันว่า “คุณค่าความเป็นคนอเมริกัน” ที่เคยได้รับการยอมรับกว้างขวาง จนทำให้คนอเมริกันสามารถยืดอกวิพากษ์วิจารณ์ผู้คนทั่วโลกได้เต็มปากเต็มคำเสมอมานั้น ได้เปลี่ยนไปแบบ “หน้ามือเป็นหลังเท้า” เรียบร้อยแล้ว
เผื่อพวกเราบางคน ที่ยังคงหลับหูหลับตา “ให้ค่า” กับอเมริกาและผู้นำเจ้าของแนวคิด “อเมริกันต้องมาก่อน” จะได้ตาสว่างขึ้นมาบ้าง…
ผู้หญิงผิวขาวกำลังได้ "เงินล้าน" หลังเรียกเด็กผิวดำห้าขวบด้วย N-word
|
นำเสนอข่าวโดย : ภาณุพล รักแต่งาม,
แหล่งที่มาข่าวโดย : สยามทาวน์ยูเอส