กลายเป็นข่าวใหญ่ที่สื่อมวลชน ทั้งระดับท้องถิ่นและระดับประเทศให้ความสนใจ หลังเทศบาลเมืองลอส แอนเจลิส มีคำสั่งเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2024 ให้ธุรกิจหลายแห่งที่เปิดให้บริการอยู่บนถนนสายหลัก เช่นซันเซ็ต, ฮอลลีวูด และไฮแลนด์ รื้อกระถางต้นไม้ขนาดใหญ่ที่นำมาจัดวางไว้ริมถนน ในบริเวณที่เคยเป็นที่ตั้งของแคมป์โฮมเลส โดยให้เวลาแค่สามวัน
ทั้งนี้ บรรดาธุรกิจขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ริมถนนสายหลักของลอส แอนเจลิส เหล่านี้ เผชิญปัญหาโฮมเลสที่ก่อสร้างที่อยู่ริมถนนเป็นจำนวนมาก ก่อปัญหาใหญ่ ทั้งปิดกั้นทางสัญจร กีดขวางทางเข้าร้านค้า และสร้างความสกปรก รวมถึงก่อปัญหาอาชญากรรมในพื้นที่ต่อเนื่องมาหลายปี โดยฉวยจังหวะหลังเทศบาลมาทำความสะอาดและรื้อที่พักโฮมเลส นำกระถางต้นไม้ขนาดใหญ่มาจัดวางริมถนน โดยเว้นระยะห่างให้ผู้คนสัญจรผ่านไปมาได้สะดวก แต่ไม่กว้างพอที่จะกางเต้นท์ขนาดใหญ่ หรือก่อสร้างบ้านพักต่อเนื่องเป็นแนวยาว ตลอดช่วงถนน เหมือนที่ประชาชนเห็นกันจนชินตาตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมาได้
ก่อนจะลงมือแก้ไขปัญหากันเองนั้น ข่าวบอกว่าธุรกิจเหล่านี้ได้แจ้งขอความช่วยเหลือจากสำนักงานนายกเทศมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของเทศบาลหลายต่อหลายครั้ง แต่คำขอร้องของธุรกิจรวมถึงประชาชนในพื้นที่เหล่านั้น ถูก “เพิกเฉย” ต่อเนื่องตลอดมา
แม้จะถูกกลุ่มเอ็นจีโอ และประชาชนที่ไม่ได้อยู่ในย่านที่มีปัญหาโฮมเลสรุนแรง และไม่เข้าใจปัญหาโฮมเลสแท้จริง กล่าวโจมตีว่าเป็นพฤติกรรมที่ “ไร้น้ำใจ” ต่อกลุ่มคนไร้บ้านที่น่าสงสารก็ตาม แต่กลุ่มธุรกิจเหล่านี้เห็นว่า การช่วยเหลือตัวเองแบบนี้ เป็นทางออกสุดท้ายของธุรกิจที่กำลังเสี่ยงต่อการปิดตัว
“เราได้แต่มองร้านเพื่อนบ้านย้ายออกไปเรื่อยๆ” แอนดรูว์ มอนไฮม์ เจ้าของร้าน มอนแฮมไมโครโฟน บนถนนซันเซ็ต กล่าวกับสถานีข่าว เคทีแอลเอ “ผมคิดว่า ที่น่าเศร้าที่สุดตอนนี้คือความลำบากในเอาตัวรอดของธุรกิจขนาดเล็ก ซึ่งท่านนายกเทศมนตรีควรละอายนะ มันน่ารังเกียจมากที่ปล่อยให้ธุรกิจขนาดเล็กต้องปิดไปแบบนี้”
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน ที่ผ่านมา เทศบาลเมืองแอลเอ ได้นำเอาประกาศเตือนมาติดบนกระถางต้นไม้ริมถนนทั้่งหมด บอกว่าเป็นสิ่งกีดขวางทางสัญจร (obstructions) และเจ้าของจะต้องเคลื่อนย้ายออกจากทางเท้าริมถนนภายในเช้าวันจันทร์ที่ 24 มิถุนายน มิฉะนั้นเจ้าหนาที่ของเทศบาลจะมาเคลื่อนย้ายเอง
ข่าวบอกว่าเจ้าของธุรกิจ รวมถึงประชาชนในละแวกดังกล่าวรู้สึกผิดหวังและคับข้องใจมาก ที่เทศบาลมองว่ากระถางต้นไม้คือปัญหาที่ต้องแก้ไข ไม่ใช่เต็นท์ หรือเพิงพักของเหล่าโฮมเลส ที่จะกลับมาในพื้นที่เหล่านี้ทันทีที่กระถางขนาดใหญ่ถูกเคลื่อนออกไป
“คุณน่าจะภูมิใจด้วยซ้ำ ที่ (เราทำให้) นักท่องเที่ยวสามารถเดินบนถนนได้ แทนที่จะเต็มไปด้วยอุจจาระและปัสสาวะแบบที่ผ่านมา” แอนดรูว์ มอนไฮม์ กล่าว “น่าจะดีใจที่จะมีเงินกลับมาสะพัดในเมืองของคุณ”
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามความเห็นของประชาชนทั่วไป ซึ่งส่วนใหญ่บอกว่าอยากเห็นกระถางต้นไม่ขนาดใหญ่ตั้่งอยู่ริมถนน มากกว่าเต็นท์และสิ่งปลูกสร้าง รวมถึงเศษขยะและสิ่งปฏิกูรต่างๆ
“สำหรับผม ผมยินดีที่จะเห็นกระถางต้นไม้เหล่านั้นมากกว่าคนที่อาจะทำร้ายผมได้” แอนโทนี่ เฮย์เวิร์ด ชายหนุ่มที่บอกว่าเขามีธุระต้องเดินทางมาในย่านฮอลลีวูดบ่อยๆ “ทำไมเจ้าหน้าที่เทศบาลถึงไม่พยายามทุ่มเทแบบเดียวกัน ในการย้ายโฮมเลสออกไปก่อนที่ชาวบ้านต้องลงมือแก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง”
แม้เทศบาลเมืองแอลเอ จะป่าวประกาศตลอดมาว่าวิกฤตโฮมเลส ในลอส แอนเจลิส คือปัญหาเร่งด่วน แต่การทุ่มเทงบประมาณ ที่ได้รับมหาศาล ทั้งจากรัฐบาลกลาง รัฐแคลิฟอร์เนีย และจากภาคเอกชนไปกับการสร้างอาคารที่พักโฮมเลสนั้น บรรดานักวิเคราะห์ฯ มองว่าเป็นการแก้ไขปัญหาที่ล้าช้า และไม่ตรงจุด เพราะอาคารที่ใช้เวลาก่อสร้างนานหลายปีและใช้งบประมาณมหาศาลนั้น สามารถช่วยเหลือคนไร้บ้านได้ “หลักร้อย” ซึ่งไม่สมดุลย์กับจำนวนประชากรโฮมเลส ที่ข้อมูลปี 2023 ระบุว่ามีมากถึง 75,518 คน
“หากคุณไม่ยอมรับความจริงที่ว่าโฮมเลสส่วนใหญ่ เป็นกลุ่มผู้มีปัญหาทางจิต ที่ไม่สามารถไปอยู่บ้านพักถาวรของคุณได้ โฮมเลสก็ไม่มีวันหมดไป” หนึ่งในนักวิเคราะห์ฯ แสดงความเห็น
การทุ่มงบประมาณไปกับการก่อสร้างและซื้ออาคารเพื่อใช้เป็นที่อยู่ถาวรของโฮมเลส ดังกล่าว ทำให้ปริมาณโฮมเลสในปี 2023 เพิ่มขึ้นถึง 14 เปอร์เซ็นต์จากการสำรวจปี 2022.