วอยซ์ออฟอเมรกา รายงานข่าวเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน ที่ผ่านมาว่าสถิตินักศึกษาต่างชาติในสหรัฐฯ ที่ลดลง โดยเฉพาะนักศึกษาจีน กระทบวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยหลายแห่งต้องปิดหลักสูตรจำนวนมากเพื่อลดค่าใช้จ่าย
สถาบันการศึกษาต่างประเทศ (Institute of International Education) และกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ในปีนี้มีจำนวนนักเรียนต่างชาติสมัครเข้าเรียนในสหรัฐฯ ลดลง 0.9 เปอร์เซ็นต์ ส่วนยอดผู้สมัครเข้าเรียนเมื่อปีที่แล้วก็ลดลง 6.6 เปอร์เซ็นต์เช่นกัน
รายงานระบุว่า ยอดนักเรียนต่างชาติที่สมัครเข้าเรียนในระดับปริญญาตรีในปี 2018-2019 ในสหรัฐฯ นั้นมีประมาณ 431,900 คน ลดลงจากปีก่อนหน้ากว่า 10,000 คน
เเจ๊ค ฮูลร์ รองผู้อำนวยการฝ่ายบริการนักศึกษาของวิทยาลัยเพนนินซูลา กล่าวว่า "ปัจจัยสำคัญที่เป็นสาเหตุให้จำนวนนักศึกษาลดลง คือ ปัจจัยทางการเมือง โดยเฉพาะนักศึกษาจากประเทศจีนที่ขอวีซ่าเข้ามาเรียนในสหรัฐฯ ได้ยากขึ้น มีสาเหตุจากความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างจีนและสหรัฐฯ"
ปัจจุบันนักเรียนจากประเทศจีนถือว่าเป็นกลุ่มนักเรียนต่างชาติที่มีอัตราส่วนสูงที่สุดในระบบการศึกษาของสหรัฐฯ โดยมีนักศึกษาจากจีนกว่า 369,5000 คน ขณะที่นักศึกษาจากอินเดียตามมาเป็นอันดับ 2 โดยมีจำนวนประมาณ 202,000 คน และเกาหลีใต้มีประมาณ 52,000 คน
นอกจากนี้ค่าใช้จ่ายในด้านการศึกษาของนักเรียนต่างชาติก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ผู้ปกครองต่างมีความกังวลในค่าใช้จ่าย เนื่องจากการจัดเก็บค่าธรรมเนียมต่างๆของนักศึกษาต่างชาตินั้นมักจะสูงกว่าค่าธรรมเนียมการศึกษาของชาวอเมริกัน ดังนั้นแล้วมหาวิยาลัยในยุโรป เอเชีย หรือออสเตรเลียจึงดึงดูดนักศึกษาต่างชาติมากกว่า เพราะมีค่าใช้จ่ายทางการศึกษาที่ถูกกว่าการเรียนในสหรัฐฯ
รายงานของ NAFSA เปิดเผยว่า ในช่วงปี 2018-2019 นักศึกษาต่างชาติมากกว่า 1 ล้านคนที่เข้ามาเรียนต่อในระดับวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยนั้นช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้เกือบ 41,000 ล้านดอลลาร์ และช่วยสร้างงานได้มากกว่า 458,290 ตำแหน่งในสหรัฐฯ โดยเฉพาะธุรกิจที่พัก ร้านอาหาร การคมนาคมขนส่งต่างๆ ที่เป้นปัจจัยที่คอยอำนวยความสะดวกในการเดินทางมาศึกษาของคนต่างชาติ
ขณะที่ซีเอ็นเอ็นรายงานว่า การสูญเสียนักเรียนต่างชาติในสหรัฐนั้ฯ นส่งผลกระทบต่อรายได้ของมหาวิทยาลัยหลายแห่งด้วยเช่นกัน เช่น มหาวิทยาลัยรัฐแคลิฟอร์เนีย นอร์ธบริดจ์ ยอดนักศึกษาต่างชาติลงลดถึง 26 เปอร์เซ็นต์นับตั้งแต่ปี 2016-2019 คิดมูลค่าที่สูญเสียไปเป็นเงินกว่า 6.5 ล้านดอลลาร์
ทางด้านวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยหลายแห่งในสหรัฐฯ กล่าวว่า จำนวนนักศึกษาต่างชาตินั้นมีผลต่อรายได้ของมหาวิทยาลัย เพราะเป็นการเก็บค่าธรรมเนียมการศึกษาในอัตราที่สูงกว่าคนท้องถิ่นทั่วไป ซึ่งอาจจะสูงถึง 2 เท่าของค่าธรรมเนียมที่เก็บนักศึกษาสหรัฐฯ
วิทยาลัยเพนนินซูลา ในเมืองพอร์ทแองเจลิส รัฐวอชิงตัน ระบุว่า จำนวนนักเรียนต่างชาติที่สมัครเข้าเรียนลดลงถึง 25 เปอร์เซ็นต์ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ทางวิทยาลัยต้องลดค่าใช้จ่ายกว่า 800,000 ดอลลาร์ด้วยการปิดหลักสูตรการเรียนบางหลักสูตร รวมไปถึงการลดตำแหน่งในสาขาต่างๆ กว่า 13 ตำแหน่ง
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานี้จำนวนนักศึกษาต่างชาติใหม่ที่ลงทะเบียนศึกษาต่อในสหรัฐฯ จะลดลง แต่จำนวนนักศึกษาที่เรียนจบและยังคงถือวีซ่านักเรียนเพื่อฝึกงานระยะสั้นตามสาขาที่เรียนนั้นกลับเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งสามารถทดแทนจำนวนของผู้สมัครเข้าเรียนใหม่ที่ลดลงได้ โดยนักศึกษาที่เพิ่งสำเร็จการศึกษานั้นมีมากกว่า 200,000 คนในช่วงที่ผ่านมา
.
.