เมื่อบ่ายวันที่ 4 มิถุนายน 2025 ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามในประกาศ (proclamation) ห้ามไม่ให้ประชาชนจาก 12 ประเทศ เดินทางเข้าสหรัฐฯ ด้วยเหตุผลเกี่ยวกับความมั่นคง โดย 12 ประเทศในประกาศของทรัมป์ คืออัฟกานิสถาน, เมียนม่า, ชาด (chad), สาธารณรัฐคองโก, อิเควทอเรียลกินี, เอริเทรีย, เฮติ, อิหร่าน, ลิเบีย, โซมาเลีย, ซูดาน และเยเมน

นอกจากนี้ ยังมีการ “จำกัด" วีซ่าเข้าสหรัฐฯ ของประชากรจาก 7 ประเทศ คือ บุรุนดี, คิวบา, ลาว, เซียร์ราลีโอน, โตโก, เติร์กเมนิสถาน และเวเนซุเอลา ด้วย

ประกาศแบนกลุ่มประเทศที่ทรัมป์เห็นว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงนี้ ให้การยกเว้นบุคคลที่มีสิทธิ์อยู่ในประเทศอเมริกาถาวร, ผู้ที่มีวีซ่าอยู่แล้ว, ผู้ขอวีซ่าบางประเภท และบุคคลที่เห็นว่าเข้ามาเพื่อทำประโยชน์ให้สหรัฐฯ

การลงนามในประกาศของทรัมป์ มีขึ้นหลังเหตุร้ายที่เมืองโบลเดอร์ รัฐโคโลราโด้ เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน โดยคนร้ายที่เป็นชาวอียิปต์ ใช้ระเบิดเพลิงขว้างใส่ประชาชนที่ไปชุมนุมให้กำลังใจตัวประกันชาวอิสราเอล มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายคน

โดยประธานาธิบดีทรัมป์ ยกเหตุร้ายที่โคโลราโด้ เป็นกรณีตัวอย่าง โดยบอกว่าเป็นเรื่องอันตรายมากที่จะให้ชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศ โดยไม่ผ่านการตรวจสอบอย่างถูกต้องเสียก่อน

ทรัมป์บอกด้วยว่าประเทศที่ถูกแบน จะได้รับการทบทวนหากเห็นว่ามีการปรัปบรุงมาตรการต่างๆ ที่สหรัฐฯ เห็นว่าน่าเป็นห่วง ขณะเดียวกัน ก็สามารถเพิ่มรายชื่อประเทศอื่นเข้าไปในบัญชีได้อีก 

“เพราะภัยคุกคามเกิดขึ้นทั่วโลก แต่เราจะไม่ยอมให้คนที่ต้องการทำร้ายเราเหล่านั้นเข้าประเทศ และไม่มีอะไรจะหยุดเราจากการดูแลชาวอเมริกันให้ปลอดภัยได้” ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าว

การพยายามห้ามไม่ให้พลเมืองของบางประเทศเข้าอเมริกาครั้งนี้ ถือเป็นความพยายามครั้งที่สองของทรัมป์ โดยครั้งแรกมีขึ้นขณะดำรงตำแหน่งสมัยแรก ซึ่งเขาได้พยายามแบนกลุ่มประเทศมุสลิม แต่ถูกขัดขวางโดยกระบวนการศาล และต่อมาก็ได้ถูกประธานาธิบดีโจ ไบเดน สั่งยกเลิกทันทีที่เข้ารับตำแหน่งในปี 2021

ทั้งนี้ ประกาศแบน 12 ประเทศของทรัมป์ จะเริ่มมีผลบังคับตั้งแต่เวลา 12.01 น. ของวันที่ 9 มิถุนายน นี้เป็นต้นไป.