ได้ตั๋ว “สปีดดิ้ง” รัฐไหน พรีเมียม “กระฉูด” สุด
แอลเอ (สยามทาวน์ยูเอส) : ใบสั่งขับรถเร็วเกินกำหนด มีผลกับเงินพรีเมียมประกันภัยรถยนต์ในปีถัดไป แต่หากคุณโชคดีอยู่ในแคลิฟอร์เนียและอีกสี่รัฐนี้ล่ะก็... ค่าประกันรถยนต์ของคุณ “กระฉูด” ไปไกลแน่นอน
เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2025 แบงก์เรท ซึ่งเป็นธุรกิจที่ปรึกษาทางการเงินในนิวยอร์ก นำเสนอผลศึกษาถึงความเกี่ยวข้องระหว่างประวัติขับรถเร็ว (speeding) กับการปรับขึ้นของเงินพรีเมี่ยม หรือเงินที่ผู้ทำประกันรถยนต์ ต้องจ่ายให้กับบริษัทประกันภัย ซึ่งแต่ละรัฐจะมีอัตราการเพิ่มขึ้นที่แตกต่างกัน
ทั้งนี้ การปรับค่าพรีเมียมของผู้มีประวัติขับรถเร็ว ตั้งอยู่บนตรรกะที่ว่า เป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงกับอุบัติเหตุสูงกว่าผู้ไม่มีประวัติขับรถเร็วนั่นเอง
โดยแบงก์เรท บอกว่ารัฐที่มีอัตราเฉลี่ยของค่าพรีเมี่ยมสูงสุดของประเทศ คือรัฐนิวยอร์ก ซึ่งพรีเมี่ยมประกันภัยรถยนต์แบบฟูลคอฟเวอร์ เฉลี่ยอยู่ที่ปีละ 4,192 ดอลลาร์นั้น มีการปรับขึ้นเพียง 7 เปอร์เซ็นต์หลังมีประวัติขับรถเร็ว ถือว่าเป็นรัฐที่ผู้ซื้อประกันได้รับผลกระทบจากการขับรถเร็วน้อยที่สุด
ส่วนรัฐที่ค่าพรีเมี่ยมเพิ่มขึ้นมากที่สุดหลังได้รับใบสั่งขับรถเร็ว คือ นอร์ธ คาโรไลน่า เพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยถึง 49 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้เป็นเพราะนอร์ธ คาโรไลน่า (ซึ่งอัตราเฉลี่ยเงินพรีเมี่ยมประกันภัยรถยนต์แบบฟูลคอฟเวอร์อยู่ที่ปีละ 1,957 ดอลลาร์) เป็นรัฐเดียวของอเมริกา ที่การปรับค่าพรีเมี่ยมฯ ไม่ได้กำหนดโดยบริษัทประกันภัย แต่เป็นอำนาจของรัฐ ที่เจตนาปรับขึ้นในสัดส่วนที่สูงมากตามแผนกระตุ้นให้คนขับรถดีขึ้น (the Safe Driver Incentive Plan : SDIP)
โดยผู้ที่ขับรถเร็วกว่าพิกัดแค่ 10 ไมล์ต่อชั่วโมง เงินพรีเมียมจะเพิ่มขึ้น 40 เปอร์เซ็นต์ แต่หากขับเร็วกว่านั้น ยอดเงินก็จะเพิ่มมากขึ้น โดยรัฐสามารถสั่งขึ้นค่าพรีเมียมประกันภัยรถยนต์ได้มากถึง 340 เปอร์เซ็นต์ หากผู้ซื้อประกันได้รับใบสั่งจากการแข่งรถผิดกฎหมายบนถนนหลวง
ส่วนการปรับขึ้นค่าพรีเมี่ยมประกันภัยรถยนต์ของรัฐอื่นๆ นั้น บริษัทประกันภัยเป็นผู้กำหนด แต่จะต้องผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการควบคุมของแต่ละรัฐเสียก่อน
อีกสี่รัฐในกลุ่ม “ท็อปไฟว์” ที่ค่าพรีเมียมประกันภัยรถยนต์ ถูกปรับขึ้นสูงสุดหากมีประวัติขับรถเร็วเกินพิกัด คือไวโอมิ่ง (40 เปอร์เซ็นต์), แคลิฟอร์เนีย (39 เปอร์เซ็นต์), แมสซาชูเส็ทท์ (28 เปอร์เซ็นต์) และอิลลินอยส์ (26 เปอร์เซ็นต์)
ส่วนห้ารัฐที่มีการขึ้นค่าพรีเมี่ยมฯ น้อยสุดคือ นิวยอร์ก (7 เปอร์เซ็นต์), ฮาวาย 9 เปอร์เซ็นต์, เวอร์มอทน์ 10 เปอร์เซ็นต์, เท็กซัส เปอร์เซ็นต์ และนิวเจอร์ซี่ 13 เปอร์เซ็นต์
โดยแบงก์เรท เจ้าของผลการศึกษาฉบับนี้ บอกด้วยว่าสมควรอย่างยิ่งที่ผู้ใช้รถยนต์ในทุกรัฐ จะต้องผ่อนคันเร่งตามป้ายกำหนดความเร็วข้างทาง เพราะนับจากปี 2020 เป็นต้นมา บริษัทประกันภัย ได้ปรับเงินพรีเมียมประกันภัยรถยนต์ขึ้นทุกปี เพื่อแก้ไขปัญหาขาดทุนจากหลายปัจจัย โดยเฉพาะราคารถยนต์ทั้งรถใหม่และรถมือสอง รวมถึงชิ้นส่วนและค่าแรง ที่เพิ่มสูงขึ้นมากมาตั้งแต่ช่วงเกิดวิกฤตโควิด-19 ทำให้บริษัทประกันภัยต้องจ่ายค่าซ่อม หรือจ่ายซื้อรถใหม่มากขึ้น
แบงก์เรท บอกด้วยว่าในปี 2025 นี้ อัตราเฉลี่ยเงินพรีเมี่ยมประกันรถยนต์แบบฟูลคอฟเวอร์ทั่วประเทศ เพิ่มขึ้นถึง 20 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับตัวเลขของปี 2020.
โดยแบงก์เรท แนะนำด้วยว่า ในบางกรณี ผู้ได้รับใบสั่งขับรถเร็ว ควร “ต่อสู้” ในศาล เช่นผู้ที่เคยได้รับใบสั่งเป็นครั้งแรก หรือกรณีที่มีแต้มทำผิดกฎจราจร (points) สูงมากอยู่แล้ว ซึ่งผู้พิพากษาอาจเมตตาสั่งให้เข้าคอร์สเรียนกฎจราจร ที่เรียกว่า traffic school โดยไม่มีประวัติขับรถเร็วแทน
“และหากทำได้ ก็ควรใช้ทนายความด้านกฎหมายจราจร (traffic lawyer) มาช่วยว่าความในศาลด้วย” แบงก์เรท ระบุ.
นำเสนอข่าวโดย : ภาณุพล รักแต่งาม,
แหล่งที่มาข่าวโดย : สยามทาวน์ยูเอส