เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย เกวิน นิวซัม ได้แถลงถึงข้อเสนอ “บรรเทาทุกข์จากสภาวะเงินเฟ้อ” หรือ Inflatio relief package มูลค่า 18.1 พันล้านดอลลาร์ ของเขาต่อรัฐสภา บอกว่าเป็นการบรรเทาทุกข์ให้ชาวแคลิฟอร์เนีย ที่ยังไม่พ้นจากปัญหาเศรษฐกิจยุคโควิด-19 แต่ถูกกระหน่ำซ้ำสองอีกครั้งจากสภาวะเงินเฟ้อครั้งประวัติศาสตร์

ถือเป็นรายละเอียดของแผนช่วยเหลือชาวแคลิฟอร์เนียจากสภาวะเงินเฟ้อและน้ำมันแพงที่ชัดเจนมาก และเชื่อว่าจะผ่านความเห็นชอบของรัฐสภาได้ไม่ยาก เพราะอย่างที่ทราบกันว่า รายได้จากการจัดเก็บภาษีของรัฐในปีที่ผ่านมา เป็น “บวก” ด้วยตัวเลขมหาศาล

“ปีที่แล้ว เราได้ประกาศใช้แผนกระตุ้นเศรษฐกิจที่ถือว่าครอบคลุมที่สุดของประเทศไปแล้ว สามารถกระจายเงินหลายพันล้านไปยังชาวแคลิฟอร์เนียหลายล้านคนอย่างรวดเร็ว แต่ประชาชนอีกเป็นจำนวนยังคงเดือดร้อน โดยเฉพาะในช่วงที่สภาวะค่าครองชีพสูงขึ้นเพราะสภาวะเงินเฟ้อ ดังนั้น เราจึงใช้สภาวะที่งบประมาณรายได้ของรัฐเป็นบวกครั้งประวัติศาสตร์ ในการคืนเงินกลับไปยังกระเป๋าชาวแคลิฟอร์เนียอีกครั้ง” เกวิน นิวซัม กล่าว

โดยแผนบรรเทาทุกข์ประชาชนมูลค่า 18.1 พันล้านดอลลาร์ ของ เกวิน นิวซัม ฉบับนี้ นอกจากจะกลายเป็นเงินช่วยค่าน้ำมัน 400 ดอลลาร์ให้กับเจ้าของรถยนต์ทุกคันในแคลิฟอร์เนีย ตามที่สยามทาวน์ฯ รายงานมาเป็นระยะแล้ว ยังกลายเป็นความช่วยเหลือในรูปแบบอื่นๆ อีกหลายอย่าง คือ

-: 400 ดอลลาร์ต่อรถยนต์หนึ่งคัน

ในส่วนนี้ ผู้ว่าการรัฐฯ เสนอให้ตั้งงบประมาณ 11.5 พันล้านดอลลาร์สำหรับส่งเช็ค 400 ดอลลาร์ (หรืออาจจะเป็นบัตรเดบิท) ตรงไปถึงมือของเจ้าของรถยนต์ทุกคันที่ขึ้นทะเบียนกับ ดีเอ็มวี ของรัฐแคลิฟอร์เนีย โดยจะจ่ายสูงสุดที่ 2 คัน คือ 800 ดอลลาร์

อย่างไรก็ตาม แผนช่วยเหลือค่าน้ำมันของเกวิน นิวซัม นี้ ถือว่าแตกต่างจากแผนที่มีการพูดคุยกันในสภานิติบัญญัติของรัฐค่อนข้างมาก กล่าวคือบรรดานักการเมืองบางส่วน เห็นว่าควรช่วยเหลือประชาชนทุกคน (ที่มีรายได้ไม่เกิน 125,000 ดอลลาร์ต่อปี) รวมถึงคนที่ไม่มีรถยนต์ด้วย คนละ 200 ดอลลาร์ และหากมีผู้เยาว์ในความดูแล จะได้รับเพิ่มอีกรายละ 200 ดอลลาร์ โดยให้เหตุผลว่าราคาน้ำมันที่สูงขึ้นแบบสร้างสถิติในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจกับชาวแคลิฟอร์เนียทุกคน ไม่ว่าจะมีรถยนต์หรือไม่ก็ตาม

พวกเราก็ต้องคอยติดตามฟังกันต่อไปว่าที่สุดแล้ว แผนช่วยเหลือค่าน้ำมันของรัฐแคลิฟอร์เนีย จะออกมาแบบไหน

-: ความช่วยเหลือฉุกเฉินด้านค่าเช่า (Emergency rental assistance)

ผู้ว่าการัฐแคลิฟอร์เนีย เสนอให้มีการจ่ายเงิน 2.7 พันล้านดอลลาร์สำหรับช่วยเหลือค่าเช่าบ้านกับผู้มีรายได้น้อยที่มีคุณสมบัติครบถ้วน และยื่นเรื่องขอรับความช่วยเหลือมาตั้งแต่ก่อนวันที่ 31 มีนาคม ที่ผ่านมา

-: จ่ายค่าน้ำ-ค่าไฟค้างจ่าย (past-due utility bills)

ข้อเสนอของผู้ว่าฯ ฉบับนี้ มีการตั้งงบประมาณอีก 1.4 พันล้านดอลลาร์สำหรับช่วยชาวแคลิฟอร์เนียที่ติดค้างค่าน้ำ-ค่าไฟ-ค่าแก๊ส โดยข้อมูลบอกว่าเป็นการนำเอาโปรแกรมช่วยเหลือของปีที่แล้ว เรียกว่า utility relief program กลับมาใช้อีกครั้งหนึ่ง

-: ช่วยเหลือพยาบาลและเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุข (hospital and skilled nursing facility workers)

อีก 933 ล้านดอลลาร์ เป็นงบฯ ที่ผู้ว่าการรัฐเสนอให้ช่วยเหลือพยาบาลและบุคลากรในโรงพยาบาลและสถานดูแลผู้สูงอายุต่างๆ ที่เหนื่อยและเสี่ยงมากในช่วงวิกฤตโควิด-19 โดยจะช่วยเหลือคนละ 1,500 ดอลลาร์

-: ใช้บริการขนส่งมวลชนฟรี 3 เดือน

บริการขนส่งมวลชนของรัฐแคลิฟอร์เนียทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นรถเมล์ รถไฟ รถไฟใต้ดิน รวมถึงเรือโดยสาร จะละเว้นค่าโดยสารต่อเนื่องกัน 3 เดือน ซึ่งจะมีผลทั้งในแง่ของการประหยัดน้ำมันและประหยัดเงิน รวมถึงลดปัญหามลภาวะด้วย โดยข้อเสนอในส่วนนี้ เกวิน นิวซัม เสนอของบประมาณทั้งสิ้น 750 ล้านดอลลาร์

-: ทำให้ประชาชนเข้าถึงระบบประกันสุขภาพได้มากขึ้น

ในส่วนนี้ เกวิน นิวซัม เสนองบประมาณ 304 ล้านดอลลาร์เพื่อทำให้ครอบครัวผู้มีรายได้น้อย สามารถเข้าถึงระบบประกันสุขภาพได้มากขึ้น เช่นยืดเวลาโปรแกรมช่วยเหลือค่าพรีเมียม (health insurance premium assistance) ของ Covered California ให้กับครอบครัว 4 คน มีรายได้ไม่เกิน 166,500 ดอลลาร์ต่อปี เชื่อว่าจะเป็นผลประโยชน์กับชาวแคลิฟอร์เนียไม่ต่ำกว่า 700,000 คน

-: งดเว้นภาษีน้ำมันดีเซล

ผู้ว่าฯ เสนอของบประมาณ 439 ล้านดอลลาร์ สำหรับการระงับการจัดเก็บภาษีน้ำมันดีเซลต่อเนื่องกัน 12 เดือน ทำให้ให้ราคาหน้าปั้มของน้ำมันดีเซลลดลง

-: ช่วยค่าใช้จ่ายในการดูแลเด็กเล็ก (waiving child care fees)

ในส่วนนี้ เกวิน นิวซัม ต้องการช่วยเหลือครอบครัวผู้มีรายได้น้อยที่มีเด็กเล็ก ซึ่งต้องรับภาระค่าใช้จ่ายของสถานดูแลเด็กก่อนวัยเรียน (preschool and child care) ค่อนข้างหนัก โดยนิวซัมเสนอให้ตั้งงบประมาณสำหรับส่วนนี้เอาไว้ 157 ล้านดอลลาร์ เชื่อว่าจะเป็นผลประโยชน์กับครอบครัวผู้มีรายได้น้อยไม่ต่ำกว่า 40,000 ครอบครัว โดยสามารถช่วยได้ประมาณครอบครัวละ 595 ดอลลาร์ต่อเดือน...