ดูโลก ดูธรรม และดูใจ
โดย ดร.พระมหาจรรยา สุทธิญาโณ เจ้าอาวาสวัดพุทธปัญญา
บันทึกไว้สมัยเรียนบาลี ตอนที่ 43 รับพัดเปรียญธรรม 6 ประโยค





เวลาผ่านไป 40 กว่าปี ประกอบกับอายุมากขึ้น ความทรงจำลดน้อยลง วันที่เข้ารับพัดเปรียญธรรม 6 ประโยค ณ วัดพระศีรัตนศาสดาราม ถือว่าเป็นวันสำคัญแห่งชีวิตวันหนึ่ง ที่ควรค่าแก่การบันทึกภาพไว้ทุกขั้นตอน แต่วันนั้นอาตมา ไม่มีกล้องบันทึกภาพ ไม่มีใครบันทึกภาพให้เลย จึงไม่มีภาพไว้เป็นที่ระลึกในวันสำคัญยิ่งนั้น


อาตมาจำได้อย่างลางเลือนว่ามีเพื่อนพระรูปหนึ่ง เคยเรียนบาลีอบรมศึกษามาด้วยกัน เข้ารับพัดเปรียญเปรียญธรรม 6 ประโยคด้วยกัน ลูกศิษย์ของท่านถ่ายภาพพร้อมกับพัดเปรียญธรรม 6 ประโยค บริเวณวัดพระศรีรัตนศาสดารามแล้วก็จากกันไป เคยพบกันอีกครั้งหนึ่งที่สหรัฐอเมริกา พยายามถามท่าน เรื่องภาพวันรับพัดเปรียญธรรม 6 ประโยค ที่ลูกศิษย์ของท่านถ่ายให้ ท่านก็ลืมสนิทคิดไม่ออกเสียแล้ว จึงมีเพียงความทรงจำว่าพวกเราเคยเข้ารับพัดเปรียญธรรม 6 ประโยคด้วยกันที่พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม กรุงเทพมหานคร

การเล่าบทนี้จะเต็มไปด้วยความลืม ที่ไม่สมารถฟื้นคืนมาได้อีก จึงเขียนเฉพาะที่จำได้ เพราะความจำ คือ สิ่งที่เหลือจากลืมหมดแล้ว

ความจำที่ค่อนข้างจะลางเลือนว่า ก่อนวันเข้ารับพัดเปรียญธรรม 6 ประโยค ณ วัดพระศรีรัตนศาสดารามหนึ่งวัน อาตมาพร้อมด้วยโยมพ่อโยมแม่และพี่เขย คุณอุทิศ ครุฑกาศ เดินทางขึ้นรถไฟตอนเย็นๆ ที่สถานีหลังสวน มีของฝากญาติที่เราจะไปพักช่วงเช้าก่อนจะไปรับพัดช่วงบ่ายๆ ญาติที่ว่านี้ ชื่อ พี่หีด ชื่อจริงจำไม่ได้แล้ว เป็นลูกสาวของป้าหนู ลุงฟุ้ง มีน้องชาย ชื่อห้อย ก็ไม่รู้ชื่อจริงอีกแหละ นามสกุล ทวนทอง พวกเรานั่งรถไฟจากหลังสวนตอนเย็นๆ มาถึงสถานีรถไฟบางกอกน้อย ธนบุรีเวลาเช้า พวกเราจับรถแท็กซี่ไปบ้านญาติที่พรานนก อาบน้ำชำระร่างกายกันเป็นที่สบายแล้ว พี่หีดจัดอาหารเช้าที่ปรุงจากของสดๆ ที่นำมาจากหลังสวน อาหารมื้อนี้อร่อยมากเป็นพิเศษ เพราะมีญาติรับประทานร่วมกันหลายคน ต่างคนต่างมาให้กำลังใจในวาระสำคัญที่อาตมาจะได้เข้ารับพัด ณ วัดพระศรีรัตนศาสดารามในบ่ายวันนั้น
    
หลังจากรับประทานอาหารแล้ว เหตุไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น คือโยมแม่มีอาการไข้ สั่นเทิ้มไปทั้งตัว หลานๆ ของพี่หีด จับแท็กซี่นำแม่ไปโรงพยาบาลศิริราช ขณะนั้นจิตใจปั่นป่วนวุ่นวาย เป็นห่วงโยมแม่ก็เป็นห่วง เป็นห่วงเวลานัดเข้ารับพัดก็เป็นห่วง คิดในใจว่า เรามาใกล้โบสถ์พระแก้วแล้ว จะพลาดการรับพัดเสียแล้วกระมัง ญาติของพี่หีดช่วยเฝ้าแม่ อาตมาเดินงุ่นง่านแถวนั้น พยายามรักษาคิวไว้ให้โยมแม่ ขณะนั้นมีคนลัดคิวไปหลายคน จึงเดินไปยังจุดประชาสัมพันธ์ บอกว่าแม่มีไข้สั่นมาตั้งแต่เช้า นี่ก็มานั่งสองชั่วโมงแล้ว มีคนลัดคิวไปหลายคน อาตมาจะขอให้โยมช่วยลัดคิวหน่อยได้ไหม
    
พยาบาลที่จุดประชาสัมพันธ์ แทนที่จะช่วย ก็พูดกับอาตมาว่า ช่วยไม่ได้ ทุกอย่างไปตามคิว เพราะทุกคนในคิวก็เป็นผู้ป่วย ไม่ใช่มีแต่แม่ของเณรคนเดียวที่ป่วย อาตมาได้ฟังพยาบาลชี้แจงให้เห็นแก่คนอื่นที่เป็นทุกข์ ก็กลับมานั่งกับแม่ต่อ จนได้เข้าตรวจและรับยาเมื่อใกล้จะเที่ยง ทุกคนเห็นว่า อาตมากับแม่มาโรงพยาบาลนานแล้ว จึงพากันมารวมตัวกันที่นั้น เมื่อการตรวจและการรับยาเสร็จ ก็หาอะไรแถวๆ โรงพยาบาลฉันแบบด่วนๆ ตั้งสติได้ให้ทุกคนรับประทานอาหารกันแล้วมาขึ้นเรือท่าเรือศิริราช ข้ามมาขึ้นที่ท่าพระจันทร์ แม่ได้รับประทานยาแล้วอาการดีขึ้น จึงค่อยๆ เดินมาทางวัดมหาธาตุเข้าไปยังอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยการเดินตามเพื่อนๆ ที่ออกจากวัดมหาธาตุฯ แล้วเดินเข้าไปด้วยกัน
    
ก่อนจะเข้ารับพัด มีเจ้าหน้าที่กรมการศาสนานิมนต์พระภิกษุสามเณรเปรียญธรรม 6 และ 9 ประโยคไปรวมกันข้างๆ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม แล้วอธิบายวิธีรับพัด ให้วางมือต่ำกว่า มือของผู้ถวายพัด ห้ามสวมรองเท้าเข้าในพระอุโบสถ ญาติพี่น้องนั่งรอข้างนอกตามที่เจ้าหน้าที่นำไป การห่มจีวรก็ห่มดองเหมือนกันทั้งหมด ตอนนั้นก็ห่มได้สบายและรวดเร็วเพราะเคยห่มที่วัดประยุรวงศาวาสมาแล้ว
    
พอได้เวลาผู้ที่จะมาถวายพัดเป็นผู้แทนพระองค์ จำชื่อไม่ได้ว่าเป็นใคร ชื่ออะไร แต่เป็นราชนิกูลระดับหม่อมเจ้า การรับพัดก็รับง่ายๆ ตามที่เจ้าหน้าที่กรมการศาสนาอบรมไว้ รับแล้วก็เดินออกมาข้างนอกเลย คงมีพระผู้ใหญ่ที่นั่งอยู่ เนื่องจากคณะที่ไป ไม่มีใครมีกล้องถ่ายภาพเลย และคนที่ถ่ายภาพขณะที่รับพัดจากมือผู้ถวายก็จำไม่ได้ว่าเป็น ใครพยายามสืบหาติดต่อกันไม่ได้ จึงไม่มีภาพสำคัญไว้เป็นที่ระลึก

    เสร็จากรับพัดแล้ว พวกเราก็ข้ามเรือท่าพระจันทร์-ศิริราช แล้วจับเท็กซี่ต่อไปสถานีรถไฟบางกอกน้อยธนบุรี เพื่อรอขึ้นรถไฟขบวนเย็นกลับหลังสวนในตอนเช้าตรู่ เป็นอันว่า ได้มีโอกาสนำพ่อแม่มาชมวัดพระศรีรัตนศาสดาราม แบบเดินผ่านๆ ไปตามฝูงชนที่เป็นญาติมิตรของพระภิกษุสามเณรที่มารับพัดวันนั้น ขณะนั้นถือว่าเป็นความภาคภูมิใจมาก ที่เด็กบ้านนอกฐานะยากจนคนหนึ่งมีโอกาสนำพ่อแม่มาร่วมงานสำคัญในวาระที่ลูกสำเร็จการศึกษาพระบาลีเปรียญธรรม 6 ประโยค

    ดูเหมือนว่า ความสำเร็จเปรียญธรรม 6 ประโยค เป็นความสำเร็จเล็กๆ ที่ไม่โดดเด่นอะไร เพราะใครๆ ก็ทำได้ การมองว่า ความสำเร็จที่เราสำเร็จจะเล็กหรือใหญ่ ขึ้นอยู่กับความพอใจ ถ้าเราคิดว่า เปรียญธรรม 6 ประโยคที่เราได้มานี้ได้มาด้วยความยากลำบาก ด้วยน้ำพักน้ำแรงความสามารถล้วนๆ ความภูมิใจก็มีมากไม่แพ้การจบปริญญาตรีทีเดียวเชียวละ ทุกอย่างอยู่ที่ใจจริงๆ

เช้าตรู่ขบวนรถไฟนำพวกเรากลับสู่อำเภอหลังสวน อย่างปลอดภัย โยมแม่ก็สบายดี ไม่มีไข้ขึ้นอีกเลย ความภูมิใจของแม่ในนาทีที่เห็นลูกชายคนสุดท้องรับพัด ถืออกมาจากพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม น่าจะช่วยเยียวยาอาการป่วยของแม่ได้ส่วนหนึ่ง พ่อแม่พี่เขยกลับบ้าน ส่วนอาตมากลับมายังกุฏิหลังน้อย เก็บความภูมิใจไว้มุมห้อง บอกกับตัวเองว่า พักผ่อนสมองสักระยะหนึ่ง จะเริ่มเรียนเปรียญธรรม 7 ประโยคทันที

วันที่ 13 พฤษภาคม 2565 เวลา 5.44 น.
วัดพุทธปัญญา เมืองโพโมน่า รัฐแคลิฟอร์เนีย
สหรัฐอเมริกา

 




นำเสนอข่าวโดย : ภาณุพล รักแต่งาม,
แหล่งที่มาข่าวโดย : สยามทาวน์ยูเอส
12-07-2022 บันทึกไว้สมัยเรียนบาลี : ตอนที่ 50 สุดทางสายบาลี (0/2824) 
06-07-2022 บันทึกไว้สมัยเรียนบาลี : ตอนที่ 49 ฝึกฝนตนที่วัดชลประทานรังสฤษฎ์ (0/656) 
28-06-2022 บันทึกไว้สมัยเรียนบาลี : ตอนที่ 48 สอบได้แต่แม่เสีย (0/622) 
20-06-2022 บันทึกไว้สมัยเรียนบาลี : ตอนที่ 47 สอบเปรียญธรรม 7 ประโยคได้ (0/687) 
07-06-2022 บันทึกไว้สมัยเรียนบาลี : ตอนที่ 46 กราบหลวงพ่อปัญญานันทะ (0/676) 

แสดงความคิดเห็น

Name :

Detail :




ฉบับที่
599
siamtownus newspaper








Hots Clip VDO ดูทั้งหมด

ขออภัยสัญญาณ VDO มีปัญหากำลังดำเนินการแก้ไข