โดย : ภาณุพล รักแต่งาม
เว็บไซต์ข่าว เดอะนอร์แมนทรานสคริป ของเมืองนอร์แมน รัฐโอคลาโฮม่า เสนอข่าวเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2021 ถึงเหตุการณ์ร้ายที่เกิดขึ้นซ้ำๆ กับร้านอาหารไทย “Tasty Thai” ของ ลิน เทพทอง (Lyn Detpthong) โดยบอกว่าเป็นผลมาจากพฤติกรรม “เหยียดคนเอเชีย” ของคนในเมืองนั้น
ข่าวบอกว่า ลิน เทพทอง ซึ่งเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ที่ทำงานสองอย่าง คือเป็นพยาบาลเต็มเวลาและเป็นเจ้าของร้านอาหาร ได้อดทนกับวิกฤตทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในช่วงปีกว่าๆ ที่ผ่านมา จนเรื่องเลวร้ายกำลังจะผ่านไปพร้อมๆ กับสถานการณ์โรคระบาดเริ่มดีขึ้น
แต่นับจากเดือนเมษายนที่ผ่านมา ร้านอาหารเทสตี้ไทย ที่ตั้งอยู่ในเมืองเดลซิตี้ ตกเป็นเป้าหมายของคนร้ายที่ทั้งปล้นและทุบทำลายสร้างความเสียหายให้ร้าน... ไม่ใช่เพียงแค่ครั้งเดียว แต่เกิดขึ้นถึงสี่ครั้งแล้ว
“สถานการณ์กำลังเลวร้ายมาก จนถึงจุดที่ดิฉันอาจจะต้องลาออกจากงานประจำ” ลิน เทพทองกล่าว และว่าสิ่งที่เกิดขึ้น ส่งผลกับเธอทั้งด้านจิตใจและอารมณ์ “ฉันเครียดมาก คุณรู้ไหม” เธอกล่าว
สำนักงานตำรวจของเมืองเดล ซิตี้ ได้รับแจ้งว่ามีคนร้ายบุกเข้าไปในร้านเทสตี้ไทย ครั้งแรกเมื่อวันที่ 13 เมษายน และครั้งที่สองเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม โดยคนร้ายได้ขโมยโทรทัศน์ สปีกเกอร์ เงินสด และอื่นๆ ไป จากนั้นก็มีเหตุการทุบทำลายกระจกประตูและหน้าต่างของร้านอีกสองครั้ง คือเมื่อวันที่ 23 และ 25 พฤษภาคม
ข่าวอ้างความเห็นของเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า เหตุการณ์ทั้งสี่ครั้ง น่าจะเป็นการลงมือของคนร้ายคนเดียวกัน
“ครั้งที่สามและสี่ เขาไม่ได้เข้าไปในร้านด้วยซ้ำ” ลิน เทพทอง กล่าว “มันเหมือนกับว่าเขาแค่ตั้งใจมาทุบกระจกหน้าร้านเท่านั้น”
นอกจากร้านเทสตี้ไทยแล้ว ลิน เทพทอง บอกด้วยว่าร้านอาหารไทยในมิดเวสท์ ซิตี้ และโอคลาโฮม่า ซิตี้ ชื่อ Tana Thai ก็ถูกคนร้ายทุบทำลายในช่วงเวลาใกล้ๆ กับที่เกิดกับร้านของตนเองด้วย
การลงมือสร้างความเสียหายให้กับร้านค้าโดยไม่มีเหตุผลอื่นใด ทำให้ ลิน เทพทอง และบรรดาชาวเอเชียในโอคลาโฮม่า คิดเหมือนๆ กันว่าแรงจูงใจของคนร้ายน่าจะมาจากการเกลียดชังชาวเอเชีย ซึ่งเป็นกระแสที่เกิดขึ้นในหลายรัฐ นับจากเกิดวิกฤตโควิด-19
แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับร้านอาหารไทยแห่งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจกลับไม่ปักใจเชื่อเช่นนั้น อ้างว่าไม่มีหลักฐานเพียงพอให้ชี้ชัดได้
“ปกติแล้ว คดีอาญาจากความเกลียดชังในสหรัฐฯ เหยื่อจะต้องได้รับโทรศัพท์มาด่าทอ หรือจดหมาย หรือฉีดกราฟฟิตี้ แต่นี่ไม่มีอะไรแบบนั้นเลย” เจ้าหน้าที่ตำรวจระบุ
กับคดีอาชญากรรมที่เข้าข่าย “เหยียดผิว” ที่เพิ่มขึ้นมหาศาลกับชาวเอเชียในสหรัฐฯ ตลอดเวลากว่าปีที่ผ่านมา ทำให้สภาคองเกรส ได้ผ่านกฎหมายต่อร้านคดีเหยียดผิวเพราะโควิด-19 หรือ the COVID-19 Hate Crimes Act. เมื่อเดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมา แต่ชุมชนเอเชียในโอคลาโฮม่า ไม่เชื่อว่ากฎหมายฉบับนี้ จะมีผลให้คดีอาญาที่มีแรงจูงใจจากการเกลียดชัง ลดลงได้จริงๆ
เวอโรนิก้า เลเชอร์ แห่งองค์กร the Asian Task Force on Domestic & Sexual Violence แสดงความเห็นว่าการที่นักการเมืองเล็งเห็นถึงปัญหา คือการก้าวเดินไปในทิศที่ถูกต้อง แต่เธอไม่มีความมั่นใจใดๆ ว่าการใช้ระบบกฎหมายอาชญากรรมมาตอบสนองปัญหาทางสังคม (social problem) จะสามารถกำจัดคดีอาชญากรรมที่เกิดขึ้นกับชาวเอเชียได้”
ข้อมูลจากองค์กร Stop AAPI Hate ระบุว่ามีเหตุการณ์มากกว่า 6,000 คดีที่เข้าข่ายคดีเหยียดชาวเอเชียเกิดขึ้นทั่วประเทศอเมริกาในช่วงระหว่างเดือนมีนาคม 2020 ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดการระบาดของโควิด-19 ในอเมริกาใหม่ๆ จนถึงเดือนมีนาคม 2021 ที่ผ่านมา
อีกสาเหตุที่ทำให้ ลิน เทพทอง เชื่อมั่นว่าการทุบกระจกร้านเทสตี้ไทย คือตัวอย่างของคดีอาญาที่มีเหตุจากการเกลียดชังชาวเอเชียในสหรัฐฯ เพราะในบริเวณใกล้เคียง มีธุรกิจอื่นๆ รวมถึงร้านกัญชา ซึ่งน่าจะมีเงินหรือของมีค่าในร้านมากกว่าร้านอาหารไทยเล็กๆ ของเธอ
“เขาเกลียดคนเอเชียเพราะคิดว่าโควิดมาจากประเทศจีน” ลิน เทพทอง กล่าว “นี่คือคดีเหยียดผิว” เธอระบุชัด
การระบาดของโควิด-19 ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว ทำให้ ลิน เทพทอง อยู่ในสถานการณ์ลำบาก เธอตัดสินใจลาออกจากงานพยาบาลประจำห้องไอซียู ในช่วงที่เกิดโรคระบาดใหม่ๆ เพราะคำนึงถึงความปลอดภัยของตัวเองและครอบครัว โดยเข้าทำงานเป็นพยาบาลที่สถานดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย (Crossroads Hospice) ในโอคลาโฮม่า ซึ่งมีเงินเดือนน้อยกว่า แต่ก็พอจุนเจือครอบครัว รวมถึงเพื่อประทังเพื่อให้ร้านอาหาร ที่กำลังย่ำแย่เพราะผลกระทบจากโควิด-19 ให้อยู่รอดมาได้
แม้จะยังมีลูกค้าอยู่พอสมควรในช่วงที่โรคระบาดเริ่มซา แต่ ลิน เทพทอง บอกว่ารายได้ก็ลดลงอย่างมาก ดังนั้น เหตุการณ์ร้ายๆ ที่เธอเชื่อว่ามีสาเหตุมาจากการเกลียดคนเอเชีย ยิ่งซ้ำเติมให้สถานภาพทางการเงินของเธอเลวร้ายลงไปอีก
เธอบอกว่าเธอจะต้องควักกระเป๋าจ่ายค่าซ่อมแซมทุกอย่างเอง โดยไม่ได้รับความช่วยเหลือใดๆ จากทั้งอินชัวรันซ์, หน่วยงานภาครัฐในพื้นที่ หรือชุมชนในเมืองเดลซิตี้
“นี่คือสิ่งที่ลำบากมากสำหรับชุมชนเอเชีย แต่ฉันไม่รู้ว่าจะมีใคร หรือชุมชนไหนหยิบยื่นความช่วยเหลือให้กับชาวเอเชียบ้าง” เจ้าของร้านเทสตี้ไทย กล่าว “เพราะชุมชนไทยในเมืองนี้นั้นเล็กมาก และเราไม่มีสมาคมหรือองค์กรใดๆ คอยสนับสนุน คุ้มครอง หรือให้ความช่วยเหลือในเชิงกฎหมายเลย”
ในส่วนของการจับกุมคนร้ายที่ทุบกระจกร้านเทสตี้ไทยทั้งสี่ครั้งนั้น แม้เวลาจะผ่านมากว่าสามเดือนแล้วก็ตาม แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยังไม่สามารถจับกุมคนร้ายได้ แม้จะมีภาพจากกล้องวงจรปิดก็ตาม
ข่าวของเว็บไซต์ เดอะนอร์แมนทรานสคริป ปิดท้ายว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจเมืองเดล ซิตี้ ได้ขอความช่วยเหลือประชาชนที่อาจจะมีข้อมูลของคนร้าย ซึ่งภาพจากกล้องวงจรปิดระบุว่าเป็นชายอเมริกันผิวขาว สูงประมาณ 6 ฟุต ขับรถเก๋งสี่ประตู อาจจะเป็นเล็กซัส หรืออินฟินิตี้ ปลายๆ ปี 1990s หรือต้นปี 2000s
หวังว่าข่าวเคราะห์หามยามร้ายของคนไทยในโอคลาโฮม่า ที่ถูกนำออกเผยแพร่ (โดยสื่อภาษาอังกฤษ) ครั้งนี้ จะช่วยเป็นแรงกดดันให้ผู้รักษากฎหมายของรัฐที่ได้ชื่อว่าเป็นรัฐ “อนุรักษ์นิยม” รุนแรง ถึงขั้นทำให้คนอย่าง โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2020 นั้น ได้หันมา “ใส่ใจ” กับ “อันตราย” ที่ชาวเอเชียกำลังประสบพบเห็นอยู่ในเวลานี้ได้บ้าง....