บทความหน้าสาม
สตรีผู้กล้าแห่งโปแลนด์ (บทนำ)


สารพัดสารพันกับวัลลภา โดย...วัลลภา ดิเรกวัฒนะ 

โควิด 19 ระบาดในประเทศไทยอีกระลอกหนึ่ง เราจำเป็นต้องกักตัวอยู่ในบ้าน เพื่อความปลอดภัยของตัวเองและคนรอบข้าง จึงยากที่จะเสาะหาข้อมูลใหม่ๆ มานำเสนอ ขอนำผลงานที่แปลไว้นานแล้วแต่ก็ยังเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจ เพื่อให้แฟนคอลัมน์ได้หายเหงาในช่วงวิกฤตินี้เช่นกัน...

“สตรีผู้กล้าแห่งโปแลนด์” เป็นเรื่องราวของ “ไอรีน กัท” ผู้หญิงที่ยอมเสี่ยงชีวิตกับข้อห้ามของพวกนาซี “ใครก็ตามที่ช่วยเหลือพวกยิว จะได้รับโทษถึงชีวิต" ประโยคนี้เขียนติดไว้ทุกหนทุกแห่งและจากเครื่องกระจายเสียงที่ป่าวประกาศตามท้องถนนทุกมุมเมือง แต่จากจิตใจที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตา ไม่ได้ทำให้ไอรีนประหวั่นพรั่นพรึงแม้แต่น้อย…

…ก่อนที่จะเริ่มเรื่อง ขอนำบทความบางตอนที่ให้ความรู้ความกระจ่างเกี่ยวกับบรรพชนชาวยิว ที่ถูกพวกนาซีเข่นฆ่าเพื่อล้างเผ่าพันธุ์ ซึ่งค้นคว้าและรวบรวมโดย “ไพฑูรย์ จิตตา” อดีตนักศึกษาที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของประเทศไทย สมัย 16 ตุลา 2516-2519 

…ต้นคริสต์ศตวรรษที่ยี่สิบ ชาวยิวต่างได้รับสิทธิเสรีภาพเหมือนกับชาวยุโรปทั่วไป ชุมชนชาวยิวในเยอรมนีมีขนาดเล็ก ประกอบด้วยชาวยิว 6 แสนคน หรือเท่ากับ 1 เปอร์เซ็นต์ของชาวเยอรมัน ซึ่งในเวลานั้นมีจำนวนพลเมือง 60 ล้านคน แต่ก็ยังมีผู้ชิงชังรังเกียจอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะฮิตเลอร์ออกโรงต่อต้านชาวยิวอย่างเปิดเผยอีกด้วย

ฮิตเลอร์เป็นคนที่เกลียดชังยิวมาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ด้วยเห็นว่าชาวยิวมิใช่เยอรมันอย่างจริงใจ เพราะคบหาสมาคมและตักตวงผลประโยชน์ให้แก่พวกตนเท่านั้น และจะยังทำให้เผ่าพันธุ์เยอรมันต้องมัวหมองลง ด้วยการแต่งงานกับบุรุษและสตรีเยอรมัน ฮิตเลอร์จึงวางแผนกำจัดยิวทั้งหมดให้สิ้นซากไปให้หมดจากโลกนี้เลยทีเดียว

ชาวยิวย่อมไม่ต่างจากชนกลุ่มน้อยที่อาศัยอยู่ในประเทศต่างๆ ทั่วโลก แต่ดูเหมือนว่าชาวยิวจะมีความเข้มข้นทางวัฒนธรรมและประเพณีมากกว่าใครๆ เช่น ฝ่ายชายจะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีดำ ส่วนฝ่ายหญิงแต่งกายสุภาพธรรมดา แต่ไม่นิยมนุ่งสั้นเพราะขัดต่อศาสนายูดาห์ ที่ประณามการแต่งกายยั่วยวนให้ผู้ชายเกิดความปรารถนาทางเพศ เด็กชายชาวยิวจะปล่อยผมให้ยาวจนถึงอายุ 3 ขวบ จึงจะทำพิธีตัดผม โดยญาติมิตรของครอบครัวจะมาร่วมกันตัดให้  หลังจากนั้นจะคลุมเด็กชายนั้นด้วยผ้า แล้วอุ้มตัวเดินทางไปสุเหร่า เมื่อไปถึงก็ตรงไปยังแรมไบ คืออาจารย์ในศาสนายูดาห์ ซึ่งแรมไบจะสอนให้อ่านภาษาฮีบรู เดี๋ยวนั้นเลย โดยใช้ขนมหวานประเภทท็อฟฟี่วางไว้บนตัวอักษรต่างๆ แรมไบจะให้เด็กกินขนมที่วางอยู่บนตัวอักษร แล้วสอนให้จำว่าคือตัวอักษรอะไร นัยว่าเป็นการสอนที่ได้ผล เพราะเด็กได้เรียนรู้ถึงความหวานของการเรียน อันเป็นการสร้างค่านิยมให้รักการศึกษาหาความรู้ 

จุดเด่นของวัฒนธรรมและประเพณีของยิวก็คือ มักจะทำพิธีกรรมต่างๆ ร่วมกันทั้งครอบครัวและทั้งชุมชนของตน ตั้งแต่ตื่นนอน ก็ประกอบพิธีระลึกถึงพระผู้เป็นเจ้า จึงพอสรุปได้ว่า ชาวยิวทั้งปวงต่างอุทิศตนให้กับศาสนายูดาห์ อย่างสิ้นเชิง โดยพยายามไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับใครที่มิใช่ชาวยิวด้วยกัน จึงน่าจะมิใช่การดูถูกเหยียดหยามผู้อื่น หากแต่มีโลกทัศน์ที่แตกต่างกันออกไป อาจเป็นเพราะเหตุนี้ที่ชาวยิวทั้งหลายใฝ่ใจในการประกอบธุรกิจการค้า เพราะเป็นอาชีพที่มีอิสระ ที่สามารถปลีกเวลาไปร่วมสวดมนต์กับชาวยิวด้วยกันได้ แต่เนื่องจากเป็นวิถีชีวิตที่แตกต่างไปจากผู้คนในสังคมยุโรปอย่างเห็นได้ชัด จึงอาจเป็นสาเหตุหนึ่งแห่งความเกลียดชัง ที่เริ่มมาจากความอิจฉาริษยาของผู้คนที่มิใช่ชาวยิว ซึ่งมีความเข้มข้นทางวัฒนธรรมและประเพณีที่ด้อยกว่าก็เป็นได้ 

นานมาแล้วที่ฮิตเลอร์ได้กล่าวคำปราศรัยและเขียนถึงการที่จะกำจัดชาวยิวให้สิ้นไปจากเยอรมนี ทันทีที่นาซีขึ้นมายึดกุมอำนาจของรัฐ แผนการแรกจึงเริ่มขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม โดยตั้งใจจะผลักดันให้ชาวยิวลี้ภัยออกไปนอกประเทศ เหมือนดังที่กษัตริย์ของอังกฤษได้เคยทำมาแล้วในอดีต จนถึงกับกำหนดว่า จะนำไปปล่อยที่เกาะมาดากัสกา นอกฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของทวีปอาฟริกา แต่เมื่อกองทัพนาซีได้บุกเข้ายึด ออสเตรีย เช็คโกสโลวาเกีย และโปแลนด์ ทำให้มีชาวยิวรวมกันทั้งหมดหลายล้านคน อีกทั้งยังได้เกิดมหาสงครามโลกครั้งที่ 2 ขึ้น จึงพ้นวิสัยที่จะนำไปปล่อยตามแผนการที่กำหนดไว้ นาซีจึงตัดสินใจสังหารให้หมด ไม่ว่าจะเป็นหญิง ชาย ผู้สูงอายุ เด็ก และแม้กระทั่งทารกก็ไม่ละเว้น

คณะบุคคลสำคัญของพรรคนาซีได้มีการประชุมปรึกษาหารือถึงมาตรการฆ่าหมู่ชาวยิว ในวันที่ 20 มกราคม 1942 ณ เมืองเวนซี ใกล้กับนครเบอร์ลิน โดยมีการถกถึงวิธีการต่างๆ ที่จะนำมาใช้ในการสังหาร และเรียกแผนการนี้ว่า การสะสางปัญหาชาวยิวขั้นสุดท้าย เป็นที่น่าสังเกตว่า ในขณะนั้นชาวยิวยังมิได้มีประเทศเป็นของตนเอง โดยอยู่กันอย่างกระจัดกระจายไปทั่วโลก หลังจากที่หลบลี้หนีภัยจากการคุกคามของมหาอาณาจักรโรมัน และพวกมุสลิมที่รุกรานดินแดนปาเลสไตน์ตามลำดับ ทำให้ชาวยิวทั้งหลายรู้ตัวว่า ตนอยู่อาศัยในฐานะแขกแปลกหน้าเท่านั้น ครั้นกระแสลัทธิชาตินิยมสุดขั้วระบาดไปทั่วเยอรมนี จึงพยายามโอนอ่อนผ่อนตามความประสงค์ของรัฐนาซี ถึงคนหนุ่มคนสาวปรารถนาจะจับอาวุธขึ้นสู้ ก็ถูกยับยั้งไว้โดยผู้อาวุโสชาวยิว ยิ่งเมื่อข้ารัฐการ และนักการเมืองที่เคยเป็นปากเสียงปกป้องสิทธิเสรีภาพไว้ให้ได้ก็ถูกนาซีกำจัดลงเสียสิ้น ชาวยิวในสมัยเผด็จการนาซีครองเมือง จึงอยู่ในสภาพที่ไม่ต่างไปจากผักปลา ที่เขาจะนำไปตัดหัวคั่วแห้งออย่างไรก็ได้

การทำลายชาวยิวเริ่มขึ้นอย่างเป็นระบบ โดยในวันที่ 1 เมษายน 1933 เหล่าพลพรรคนาซี ได้นำประกาศต่อต้านชาวยิว ไปติดไว้ยังสถานที่ทำธุรกิจการค้าของชาวยิว บ้างก็ทาสีไว้ที่ประตูหน้าต่างกระจก เป็นรูปดวงดาวแห่งเดวิด คือรูปสามเหลี่ยมด้านเท่าสองอันซ้อนกัน เป็นรูปดาว 6 แฉก กึ่งกลางดาวเดวิดเขียนคำว่า ยิว เอาไว้ บ้างก็ออกแจกแผ่นปลิวให้กับผู้สัญจรไปมา มีข้อความเรียกร้องไม่ให้ซื้อสินค้าหรือใช้บริการจากพวกยิว บางแห่งถึงกับใช้ไม้ปิดทางมิให้เข้าไปซื้อสินค้าได้ โดยพวกนาซีได้ดำเนินงานต่อต้านอย่างกว้างขวาง แต่ประชาชนเยอรมันส่วนใหญ่ยังมิได้ให้ความร่วมมือ จนต้องเลิกราไปใน 24 ชั่วโมง

ตั้งแต่ปี 1933 จนถึง 1940 รัฐบาลเผด็จการนาซีได้ออกกฎหมายต่อต้านชาวยิว มีสาระสำคัญโดยสังเขปคือ ไล่ชาวยิวออกจากโรงงานอุตสาหกรรม มิให้ชาวยิวประกอบอาชีพสำคัญๆ เช่น แพทย์ ทนายความและครูบาอาจารย์ มิให้ชาวยิวเข้าศึกษาในโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยใดๆ ชาวยิวต้องมีบัตรประจำตัวต่างหาก หนังสือเดินทางของชาวยิวต้องประทับตราเป็นตัวอักษรตัว ย ด้วยหมึกสีแดง…ห้ามไม่ให้ชาวยิวเดินทางในตู้รถไฟชั้นที่ 1 และห้ามไม่ให้รับประทานอาหารไม่ว่ามื้ออะไรในรถไฟและรถโดยสาร ไม่ให้มีการแต่งงานระหว่างชาวยิวกับชาวคริสเตียน…ห้ามไม่ให้ทำกิจกรรมใดๆ ในที่สาธารณะ เช่น สถานออกกำลังกาย สถานที่อาบน้ำสาธารณะ และสวนสาธารณะ นอกจากนั้นยังต้องติดเครื่องหมายดาวเดวิดไว้บนอกเสื้อหรือปลอกแขนทุกคน

กฎหมายในลักษณะกดหัวชาวยิวนี้มีอยู่ด้วยกันประมาณ 400 ฉบับ อันเป็นการริดรอนสิทธิของชาวยิวในเยอรมนีลงจนแทบหมดสิ้น นอกจากชาวยิวจะไร้ศักดิ์ศรีและเสรีภาพแห่งความเป็นมนุษย์แล้ว ยังไม่สามารถหาเงินเลี้ยงดูครอบครัวได้ดังแต่ก่อน ต่างต้องทนทุกขเวทนา น้ำตาตกในด้วยกันทั้งนั้น

นอกจากรัฐบาลนาซีออกกฎหมายหลายร้อยฉบับมาริดรอนสิทธิจนแทบจะไม่สามารถเลี้ยงดูครอบครัวได้แล้ว ก็ยังก่อกรรมทำเข็ญกับชาวยิวอย่างต่อเนื่องไม่หยุดหย่อน ในคืนวันที่ 9 พฤศจิกายน 1938 พลพรรคนาซีบุกรุกชุมชนชาวยิวด้วยการทำลายอาคารล้านเรือน เพื่อปล้นทรัพย์สินเงินทอง เผาสุเหร่าไม่ต่ำกว่าหนึ่งพันแห่ง ทำลายธุรกิจการค้าไม่ต่ำกว่าเจ็ดพันแห่ง ที่ร้ายที่สุดคือ ทำลายโรงเรียน โรงพยาบาลและสุสานของชาวยิวลงสิ้น เหตุการณ์ในค่ำคืนนี้ ชาวยิวขนานนามว่า ค่ำคืนที่แก้วมณีมีค่าตกแตกสลาย เพราะในคืนนั้นชาวยิวต่างทำอัตวินิบาตกรรมกันไปเป็นจำนวนหลายพันคน และมีชาวยิวไม่น้อยหลบหนีออกจากเยอรมี แต่สำหรับชาวยิวผู้ยากไร้จำต้องเอาน้ำตาเช็ดหัวเข่ากันต่อไป

ตามปกติชาวยิวที่กระจัดกระจายอาศัยอยู่ทางทิศตะวันออกของทวีปยุโรปมีอยู่ด้วยกัน 9 ล้านคน เฉพาะที่โปแลนด์มีชาวยิวอาศัยอยู่ถึง 3.3 ล้านคน หรือ 10 เปอร์เซ็นต์ของพลเมืองทั้งหมด ทันทีที่กองทัพนาซียึดครองยุโรปตะวันออก ก็รีบขับไล่ชาวยิวให้ต้องทิ้งถิ่นฐานบ้านช่อง แล้วต้อนให้ไปอยู่ในถิ่นที่อยู่อาศัยทรุดโทรมที่สุดในเมือง ชาวยิวนับหมื่นๆ คนต้องอาศัยอยู่ในเนื้อที่แคบๆ ด้วยความแออัด ซึ่งเรียกกันว่า เกตโต แล้วบังคับให้ชาวยิวบางคนเป็นสายสืบให้นาซี  ในการควบคุมชาวยิวไม่ให้เคลื่อนไหวใดๆ นั้น นาซีสร้างกำแพงล้อมด้วยรั้วลวดหนาม ตัดชุมชนชาวยิวออกจากส่วนต่างๆ ของเมือง โดยไม่ให้ได้รับความช่วยเหลือใดๆ จากโลกภายนอก จำกัดอาหาร ยารักษาโรค เชื้อเพลิง แม้กระทั่งการสาธารณสุขเบื้องต้นก็มิได้รับการเหลียวแล ในเกตโตจึงเต็มไปด้วยหมัด เหา สิ่งสกปรกโสโครก อันมีผลให้ชาวยิวที่อ่อนแอถึงกับนอนตายกันเกลื่อนถนน 

วันที่ 22 มิถุนายน 1941 กองทัพนาซีก็บุกทะลวงสหายชั่วคราวรัสเซีย โดยเรียกยุทธการนี้ว่า บาร์บาโรซ่า หรือ เคราแดง อันเป็นพระสมัญญานามของ จักรพรรดิ์เฟรดเดอริค ที่ 1 แห่งจักรวรรดิ์โรมัน ต้นสายโลหิตชาวเยอรมัน ที่เต็มไปด้วยความโหดร้ายป่าเถื่อน ทั้งนี้เพราะการจู่โจมคราวนี้ นาซีมีจิตใจชั่วร้ายที่จะฆาตกรรมชาวยิวและปรปักษ์ให้หมดสิ้นตามแผนการสะสางปัญหาชาวยิวในขั้นสุดท้าย ด้วยการจัดให้มีหน่วยฆาตกรรมเคลื่อนที่ อันเป็นหน่วยประกอบขึ้นด้วยนักฆ่านาซีจำนวนไม่ต่ำกว่าสามพันคน ทำหน้าที่เพชรฆาตโดยตรง เมื่อกองกำลังนาซีบุกไปที่ใด หน่วยงานนี้จะเคลื่อนที่ปิดท้ายขบวนติดตามไปด้วยความรวดเร็ว จนสามารถสร้างความประหลาดใจให้กับเหยื่ออยู่เสมอด้วยวิธีง่ายๆ แต่อำมหิตผิดมนุษย์ กล่าวคือ เมื่อพบชาวยิวที่ใดก็จะริบทรัพย์สิน บังคับให้ถอดเสื้อผ้าแล้วยิงทิ้ง ซึ่งสิ้นเปลืองกระสุนจำนวนไม่น้อย

ต้นปี 1942 นาซีเพิ่มเครื่องมือสังหารชนิดใหม่ เป็นรถบรรทุกปิดทึบ สำหรับรมควันพิษด้วยแก๊สคาร์บอนมอนน๊อกไซด์ ให้กับหน่วยงานฆาตกรเคลื่อนที่นี้ พอพบชาวยิวก็ต้อนให้ขึ้นรถ ใช้ท่อยางสอดเข้าไปในช่องที่เตรียมไว้ แล้วปล่อยควันพิษออกมาจนเหยื่อขาดใจตาย พอถึงปลายปี นาซีได้สังหารชาวยิวไปทั้งสิ้น 1,400,000 คน แต่นาซียังเห็นว่าทำงานการฆ่าช้ามาก จึงแสวงหาวิธีใหม่อันจะทำให้ประสบความสำเร็จได้อย่างแท้จริง ก็คือ ค่ายมรณะ นั่นเอง

นาซีสร้างค่ายรวมขึ้นเป็นครั้งแรก ในปี 1933 ซึ่งเป็นเวลากว่า 6 ปี ก่อนที่จะเกิดมหาสงครามโลกครั้งที่ 2 ครั้นเข้าไปยึดครองออสเตรีย เช็คโกสโลวาเกีย และโปแลนด์ ก็เร่งสร้างค่ายกักกันเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก โดยใช้เป็นที่กักขังผู้เป็นศัตรูกับลัทธินาซี และรัฐชาติเยอรมนี เช่น พวกอาชญากร ยิว ข้าราชการ นักบวช เป็นต้น ต้นปี 1940 นาซีเปลี่ยนสภาพของคุกรวมเป็น คุกแรงงานทาส ด้วยการบังคับให้ทำงานหนัก โดยไม่ได้รับค่าจ้างตอบแทน พร้อมๆ กันนั้น ทหารนาซีก็บุกทำลาย เกตโต เข่นฆ่าทุกชีวิตที่ขัดขวาง คนหนุ่มคนสาวและผู้ที่ยังพอมีกำลังทำงานได้ จะถูกส่งเข้าไปเสริมยังคุกทาส เพื่อใช้แรงงานเยี่ยงทาสต่อไป 

เมื่อมีทาสจำนวนมากขึ้น นาซีจึงขยายคุกออกไป โดยสามารถจำแนกคุกขนาดใหญ่ หรือ คุกหลัก 23 แห่ง ส่วนคุกเล็กมีอยู่ถึง 1,000 แห่ง ที่ขึ้นตรงต่อคุกหลัก ในปี 1930 มีผู้ถูกต้อนให้ไปอยู่ในคุกเพียง 30,000 คน แต่ในปี 1942 เพิ่มขึ้นถึง 100,000 คน และในปี 1945 มีจำนวนสูงถึง 700,000 คน รวมจำนวนผู้ที่ถูกกักกันทั้งหมด 1,500,000 คน ปรากฏว่ามีผู้เสียชีวิตลงด้วยสาเหตุต่างๆ มากกว่าครึ่งหนึ่ง วิธีการของอมนุษย์นาซีก็คือ ได้นำผู้ถูกกักกันไปให้ทำงาน โดยนาซีเรียกเก็บค่าแรงจากนายจ้างแล้วส่งไปให้รัฐ ผู้ว่าจ้างที่ต้องการแรงงานก็มักจะเป็นโรงงานอุตสาหกรรม ฟาร์ม เหมือง ตัดไม้ และแบกหินขนาดใหญ่ที่ใช้ในการก่อสร้าง ตัวอย่างบริษัทต่างๆ ที่ใช้แรงงานทาสชาวยิว เช่น ไอจีฟาร์เบน บีเอ็มดับเบิลยู โวกสวาเก้น และ ครัพพส์ ซึ่งยังคงดำเนินธุรกิจจนถึงปัจจุบัน 

สำหรับความเป็นอยู่ในค่ายกักกันมีความเลวร้ายสารพัด แต่จะแล้วจนรอดชาวยิวก็ไม่ตายกันง่ายๆ นาซีจึงคิดหาวิธีการขึ้นใหม่ โดยการสร้างค่ายมรณะขึ้นในโปแลนด์ เพราะโปแลนด์มีระบบขนส่งทางรถไฟที่สะดวกและทันสมัย นาซีจึงใช้รถไฟลำเลียงชาวยิวจากทุกสารทิศ เพื่อไปสู่ค่ายมรณะนั้น และเพื่อให้สมจริงจึงหลอกลวงว่า จะให้ไปทำงานที่ค่ายแรงงาน

แต่ครั้นเมื่อไปถึงจุดหมายปลายทาง ทุกคนก็รู้ตัวดีว่าถูกหลอกเสียแล้ว เพราะกลิ่นควันไฟของการเผาศพยังสดๆ อยู่นั้น เหม็นคละคลุ้งอยู่ในทุกอณูของบรรยากาศ ณ บริเวณนั้น นาซียังหลอกลวงต่อไปอีก ด้วยการบังคับให้ผู้ที่เพิ่งมาถึงถอดเสื้อผ้า ริบทรัพย์สมบัติที่ติดตัวมาทั้งหมด แล้วบอกให้ไปอาบน้ำร่วมกัน เพื่อชำระล้างร่างกายและฆ่าหมัดเหาเสียก่อน ครั้นเมื่อเดินเรียงแถวเข้าไปอัดกันแน่นในห้องกว้างปิดทึบ ก็ปิดประตูเหล็กกล้าที่แข็งแรงลง แล้วปล่อยควันพิษออกมาจากเพดาน จนผู้คนในห้องมรณะสิ้นใจตายกันทั้งหมด จากนั้นก็นำไปเผาบ้าง ฝังหมู่บ้าง แต่ที่นาซีไม่ลืมก็คือ งัดฟันปลอมที่ทำด้วยทองออกจากปากของผู้ถูกสังหาร เพื่อนำไปหลอมเป็นแท่งแล้วส่งต่อไปให้รัฐบาลนาซี ส่วนเถ้าถ่านก็รวมใส่ถุงให้ชาวนาชาวไร่ในบริเวณใกล้เคียง นำไปใช้เป็นปุ๋ยเพื่อการเกษตรของตน

ว่ากันว่า ท่านผู้นำฮิตเลอร์มีความพึงพอใจมาก เพราะสามารถเข่นฆ่าชาวยิวและฝ่ายปรปักษ์ได้ครั้งละมากๆ จากรายงานของฝ่ายพันธมิตรในภายหลังมหาสงครามโลกครั้งที่ 2 พบว่าชาวยิวถูกฆ่าไปทั้งสิ้นสูงถึง 5,370,000 คน โดยกว่า 2,000,000 คน ยังเป็นเด็กและทารกที่ยังไม่ประสีประสาอะไร

การที่จอมเผด็จการฮิตเลอร์อ้างว่า รักชาติ รักเผ่าพันธุ์อารยัน ถึงกับมีความเป็นห่วงเป็นใยชาวเยอรมัน ที่อาศัยอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน จนต้องบุกเข้าไปดูแลอย่างใกล้ชิดนั้น หากใช้สามัญสำนึกธรรมดาเข้าไปพิจารณาแล้ว ย่อมจะพบได้ว่า เป็นการโกหกหลอกลวงครั้งมโหฬารของอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ เพราะเจตนาที่แท้จริงของพวกเขาคือ รุกรานชาติอื่นเพื่อปล้นเอาทรัพย์ และนำผู้คนที่มิใช่เผ่าพันธุ์อารยันลงเป็นทาสรับใช้มหาอาณาจักรไรคที่ 3 นั่นเอง




 




นำเสนอข่าวโดย : ทีมข่าว สยามทาวน์ยูเอส,
แหล่งที่มาข่าวโดย : สยามทาวน์ยูเอส
22-05-2023 แผนกสูตินรีเวชของ APHCV จัดเสนอบริการรับฝากครรภ์ที่ศูนย์สุขภาพลอสเฟลิซให้แก่ชุมชนมานานกว่า 20 ปีแล้ว (0/1549) 
05-05-2023 รายงาน : เปิดหมายกำหนดการและขั้นตอนสำคัญ พระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 (0/420) 
30-01-2023 รายงาน : สรุปเทรนด์ตลาดและธุรกิจปี 2565 ในสหรัฐฯ และแนวโน้มปี 2566 (0/872) 
29-09-2022 เพื่อช่วยบุตรหลานของท่านในการพัฒนาทักษะการเรียนรู้และการแสดงออกที่โรงเรียน ให้ดียิ่งขึ้น (0/1006) 
29-03-2022 รู้จัก “ส้มซูโม่” ที่กำลังดังเปรี้ยงทาง TikTok (0/2451) 

แสดงความคิดเห็น

Name :

Detail :




ฉบับที่
599
siamtownus newspaper








Hots Clip VDO ดูทั้งหมด

ขออภัยสัญญาณ VDO มีปัญหากำลังดำเนินการแก้ไข