บลูมเบิร์ก รายงานข่าวเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ร้านเบเกอรี่หรู “ดีน แอนด์ เดอลูก้า (Dean & DeLuca) ในย่านโซโหของเกาะแมนฮัตตัน ของนิวยอร์ก ซึ่งถือเป็นสาขาแรกของเชนเบเกอรี่หรูแห่งนี้ ได้ปิดตัวลงแล้ว โดยปิดป้ายหน้าร้านว่าเป็นการปิดเพียงชั่วคราว

ข่าวบอกด้วยว่า ดีน แอนด์ เดอลูก้า ซึ่งถือหุ้นใหญ่โดย บมจ.เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น (PACE) ในประเทศไทย ได้ระงับการจ่ายเงินให้กับบรรดาพ่อค้าส่ง ซึ่งทำหน้าที่จัดหาสินค้าเข้าร้ายมาได้ระยะหนึ่งแล้ว เป็นเหตุให้บรรดาพ่อค้าส่งเหล่านี้รวมตัวกันฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย

และล่าสุด ข่าวจากประเทศไทยรายงานว่า นายสรพจน์ เตชะไกรศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PACE ออกมายอมรับว่ามีการผิดนัดชำระหนี้มูลค่า 86 ล้านดอลลาร์กับธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ซึ่งข่าวดังกล่าวส่งผลให้ราคาหุ้นของ PACR ร่วงถึง 12 เปอร์เซ็นต์

โดยนายสรพจน์ เตชะไกรศรี กล่าวว่า บริษัทประสบกับความท้าทายทางการเงิน ทำให้ขาดสภาพคล่องทางการเงิน และเมื่อวันที่ 18 ตุลาคมที่ผ่านมา ตนได้รับหนังสือจากธนาคารไทยพาณิชย์ แจ้งเรื่องการผิดนัดชำระหนี้เงินกู้ที่มีอยู่กับธนาคาร ซึ่งคณะกรรมการบริษัทได้ให้ฝ่ายบริหารและฝ่ายจัดการ ทำการเจรจา และให้ความร่วมมือกับธนาคาร ในการทำแผนปรับโครงสร้างทางการเงิน เพื่อให้บริษัทฯกลับมาสู่ระดับความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจได้ การปรับโครงสร้างการเงินครั้งนี้ ควรก่อให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุดแก่พนักงาน ลูกค้า คู่ค้า

ทั้งนี้ บริษัทสัญชาติไทยแห่งนี้เข้าซื้อกิจการ ดีน แอนด์ เดอลูก้า เมื่อปี 2014 ด้วยเงินจำนวน 140 ล้านดอลลาร์ โดยตั้งความหวังว่าจะขยายแบรนด์ ดีน แอนด์ เดอลูก้า ซึ่งผู้บริโภคอเมริกันรู้จักในฐานะผู้จำหน่ายน้ำมันมะกอกคุณภาพสูง ขนมอบและขนมราคาแพงอื่นๆ ให้เป็นที่รู้จักในประเทศไทยและประเทศอื่นๆ ด้วย

อย่างไรก็ตาม เชนคาเฟ่และโกเซอรี่สำหรับตลาดบนแห่งนี้ ต้องเผชิญการแข่งขันจากคู่แข่งออนไลน์และการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการจับจ่ายของผู้บริโภค พร้อมๆ กับการที่ บมจ.เพซ ดีเวลลอปเมนท์ ในกรุงเทพฯ เผชิญกับปัญหาสภาพคล่องด้วย

ขณะเดียวกัน ไทยรัฐได้ตีพิมพ์ข่าวเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม ถึงประกาศของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่ได้ขอให้ผู้ลงทุนศึกษาข้อมูลการผิดนัดชำระหนี้ของ บมจ.เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น (PACE) ด้วยความระมัดระวัง เนื่องด้วย PACE ได้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการผิดนัดชำระหนี้ เมื่อวันที่ 21 ต.ค. ที่สรุปได้ดังนี้

1.บริษัทและบริษัทย่อยผิดนัดชำระหนี้รวม 2,645 ล้านบาท ครบกำหนดชำระเมื่อวันที่ 17 ต.ค.ที่ผ่านมา คิดเป็น 12.55% ของสินทรัพย์รวม ณ วันที่ 30 มิ.ย.ที่ต้องชำระหนี้ในวันที่ 4 พ.ย.นี้

2.การผิดนัดดังกล่าวเป็นผลให้เกิดการผิดนัดในมูลหนี้อื่น (Cross Default) โดยที่เจ้าหนี้ยังมิได้ส่งหนังสือบอกกล่าวให้ชำระหนี้ รวม 9,227 ล้านบาท คิดเป็น 43.76% ของสินทรัพย์รวม

3.บริษัทจะเร่งเจรจากับเจ้าหนี้ เพื่อจัดทำแผนปรับปรุงโครงสร้างทางการเงินและการบริหารจัดการหนี้ โดยจะแจ้งความคืบหน้าในเดือน พ.ย.

 และ 4.ปัจจุบันบริษัทฯหยุดการก่อสร้างโครงการอสังหาริมทรัพย์ แต่เหตุการณ์ดังกล่าว ไม่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม.