ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ แถลงเมื่อเช้าวันที่ 23 ตุลาคมที่ผ่านมาว่า สหรัฐฯกำลังยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรที่กำหนดเล่นงานตุรกี พร้อมยกย่องความสำเร็จของข้อตกลงหยุดยิงตามแนวชายแดนติดกับซีเรีย
ทั้งนี้ ทรัมป์ ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากกรณีถอนกำลังทหารสหรัฐฯออกจากทางภาคเหนือของซีเรียอย่างฉับพลัน เท่ากับเป็นการเปิดทางให้ตุรกีเปิดปฏิบัติการโจมตีนองเลือดถล่มชาวเคิร์ด ระบุด้วยว่า "ทหารอเมริกาจำนวนเล็กน้อย" จะยังคงอยู่ในประเทศที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งแห่งนี้ต่อไป
"เมื่อเช้า รัฐบาลตุรกีแจ้งมายังรัฐบาลของผมว่า พวกเขาจะหยุดการสู้รบและหยุดปฏิบัติการรุกคืบในซีเรีย และทำให้เกิดการหยุดยิงอย่างถาวร" เขากล่าวในการปราศรัยผ่านสถานีโทรทัศน์จากทำเนียบขาว
"เพราะฉะนั้น ผมจึงออกคำสั่งถึงกระทรวงการคลังให้ยกเลิกทุกมาตรการคว่ำบาตรซึ่งกำหนดเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ตอบโต้ความเคลื่อนไหวแรกเริ่มของตุรกี ที่ปฏิบัติการจู่โจมพวกเคิร์ดในพื้นที่ตามแนวชายแดนทางตะวันออกเฉียงเหนือของซีเรีย" ทรัมป์กล่าว
คำแถลงของทรัมป์ มีขึ้นหลังจากรัสเซียและตุรกีบรรลุข้อตกลงกันที่เมืองโชชิเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม ซึ่งทางรัสเซียและซีเรียจะอำนวยความสะอวกแก่การถอนกำลังออกจากพื้นที่ชายแดนของนักรบเคิร์ด YPG พันธมิตรของสหรัฐฯในปฏิบัติการกวาดล้างกลุ่มรัฐอิสลาม แต่ทางตุรกีมองว่าเป็นพวกก่อการร้าย
นอกจากนี้แล้วในข้อตกลงจะได้เห็นตุรกีสงวนไว้ซึ่ง safe zone หรือโซนปลอดภัย ภายในซีเรีย ซึ่งมีความยาว 120 กิโลเมตรและลึกเข้าไป 32 กิโลเมตร โดยที่รัสเซียและตุรกีจะรับหน้าที่ลาดตระเวณตามเขตความปลอดภัยดังกล่าวร่วมกัน
ทรัมป์บอกด้วยว่าทหารสหรัฐฯบางส่วนจะยังคงประจำการอยู่ตามบ่อน้ำมันต่างๆของซีเรีย แม้กำลังอเมริกาส่วนใหญ่ถอนกำลังออกจากประเทศแห่งนี้แล้ว "เราต้องคุ้มกันน้ำมัน เพราะฉะนั้น ทหารสหรัฐฯจำนวนเล็กๆจะยังคงอยู่ในพื้นที่ที่มีน้ำมัน”
“ตอนเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดี ผมบอกชัดเจนว่าเราต้องการแนวปฏิบัติใหม่สำหรับนโยบายต่างประเทศ นโยบายที่ไม่ได้นำโดยอุดมการณ์ แต่โดยประสบการณ์, ประวัติศาสตร์และความเป็นจริง การเข้าใจโลก” ทรัมป์ประกาศ และว่า “เมื่อเราต้องส่งกองทัพอเมริกันเข้าสู่สงคตราม เราจะทำก็ต่อเมื่อผลประโยชน์ของประเทศอยู่ในความเสี่ยง และเมื่อเรามีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน มีแผนสำหรับชัยชนะและมีทางออกจากความขัดแย้ง”
ทรัมป์ ประกาศชัดเจนว่า หน้าที่ของกองทัพสหรัฐฯ ไม่ใช่เป็น “ตำรวจโลก” และว่าควรเป็นหน้าที่ของชาติอื่นที่จะก้าวออกมาและรับภาระไปบ้าง
อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ เตือนว่าจะรื้อฟื้นมาตรการคว่ำบาตรทำลายล้างเศรษฐกิจกลับมาได้ทุกเมื่อ หากว่าตุรกีไม่ยึดมั่นในพันธสัญญาปกป้องชนกลุ่มน้อยทางเชื้อชาติและศาสนาต่างๆ.