ดูโลก ดูธรรม และดูใจ
โดย ดร.พระมหาจรรยา สุทธิญาโณ เจ้าอาวาสวัดพุทธปัญญา
พุทธานุภาพ





เมื่อหลายปีที่แล้ว อาตมาเริ่มมาสร้างวัดพุทธปัญญาใหม่ๆ ญาติโยมไม่กี่คนที่แวะเวียนมาสนทนาธรรมหรือถวายภัตตาหาร เป็นโอกาสทองช่วงหนึ่งของชีวิตที่ได้อ่านพระไตรปิฎก เข้าห้องสมุดศึกษาหาความรู้ใหม่ๆในด้านต่างๆที่น่าสนใจได้อย่างสะดวกสบายไร้กังวล เมื่อมีข่าวคราวความเคลื่อนไหวทางพระพุทธศาสนาในด้านพิธีกรรมหรือทางวิชาการ ก็มักจะหาโอกาสไปร่วมด้วยเสมอ เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองจากเพื่อนชาวพุทธต่างชาติต่างวัฒนธรรม ที่ต่างก็ใช้พุทธธรรมนำชีวิตของตน


    คราวหนึ่งมีโอกาสไปร่วมงานวิสาขบูชานานาชาติที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ลอส แอนเจลิส หรือชื่อที่ชาวท้องถิ่นเรียกกันสั้นๆ ว่า UCLA ในวันนั้นมีรายการที่น่าสนใจมากมายเดินชมได้จากนิทรรศการ ที่แต่ละชาติแต่ละวัฒนธรรมได้นำมาแสดงออกมาในหลายๆด้าน ซึ่งล้วนแต่เชิญชวนบอกกล่าวชี้นำให้เข้ามาศึกษาพุทธธรรม

    รายการสุดท้ายของวันนั้น เป็นรายการอภิปรายเรื่อง พุทธานุภาพ หรือ The Buddha’s power ทั้งผู้ดำเนินการอภิปรายและผู้อภิปรายล้วนมีคุณวุฒิ มีประสบการณ์ เป็นนักวิชาการระดับแนวหน้า นักธุรกิจ นักกฎหมาย รายการนี้จึงได้รับความสนใจจากผู้ร่วมงานอย่างล้นหลาม

    ในบรรดานักอภิปรายทั้งหลายที่อภิปรายกันในวันนั้น อาตมาก็มาสดุดหยุดลงที่ผู้พิพากษาชาวเวียดนาม ท่านผู้นี้อภิปรายด้วยภาษาง่ายๆ แทบจะไม่มีวิชาการเจือปนเหมือนนักวิชาการและผู้อภิปรายอื่นๆ ท่านเล่าประวัติของท่านง่ายๆ แต่ทิ้งความน่าสนใจเอาไว้แก่ผู้ฟังมากมาย

    ท่านผู้พิพากษาชาวเวียดนาม ได้เริ่มเล่าถึงวิกฤตการณ์ด้าน สภาพชีวิต เศรษฐกิจ สังคม การเมืองและศาสนาในช่วงสุดท้ายก่อนสงครามเวียดนามจะยุติลง หรือ ก่อนที่ฝ่ายคอมมิวนิสต์จะยึดเวียดนามไว้ได้ทั้งหมด เข้าสู่สภาพเวียดนามแตก พุทธศาสนิกชนชาวเวียดนามถูกเบียดเบียนจากภัยสงครามและภัยจากต่างศาสนา จนพระสงฆ์ชาวเวียดนามท่านหนึ่งตัดสินใจเผาตัวตาย เพื่อเรียกร้องให้สันติภาพของชาติและศาสนาคืนมาสู่เวียดนามโดยเร็ว การเสียสละชีวิตของพระรูปนี้ปลุกให้มนุษยชาติทั่วโลกตื่นขึ้นมาดูภัยจากสงครามและความขัดแย้งว่า ทำลายสันติภาพและความผาสุกของมนุษย์ทั้งร่างกายและจิตใจมากมายเพียงใด การสร้างสันติภาพจึงเป็นหน้าที่ที่ทุกคนจะต้องร่วมมือกันอย่างจริงจัง

    ในวิกฤตการณ์เช่นนี้ ชาวพุทธต้องรวมตัวกันทำพิธีกรรมและให้กำลังใจกันอย่างลับๆเพราะวัดหลายแห่งถูกใช้เป็นฐานบัญชาการรบไปเสียแล้ว ชาวพุทธจะเดินเข้าวัดทำบุญ ไปไหว้พระก็แสนจะยากเย็น บ้านใครเคยมีพระพุทธรูปบูชาก็นำมาแบ่งปันกันกราบไหว้เพื่อเป็นกำลังใจแก่กันและกัน เพราะช่วงหนึ่งผู้ปกครองประเทศมิได้เป็นพุทธศาสนิกชน แม้อยู่ท่ามกลางสงครามที่ควรจะช่วยให้พ้นภัยสงครามแต่กลับสร้างความขัดแย้งด้านศาสนาขึ้นมา เป็นการเพิ่มสงครามมากขึ้นไปอีกแบบหนึ่ง ขณะนั้นศาสนาถือว่าเป็นสิ่งเดียวที่จะสร้างความเย็นท่ามกลางไฟสงครามได้มาก ชาวพุทธทำอะไรมากไม่ได้ ทำได้เพียงแต่ให้กำลังใจแก่กันและกัน

    เมื่อเวียดนามแตก คอมมิวนิสต์เข้าครอบครองเวียดนามใหม่ๆ ประชาชนหนีภัยสงครามออกจากบ้านจากเมืองไปหาชีวิตใหม่เพื่อความอยู่รอด การหนีเอาตัวรอดถือว่าเป็นเรื่องหลัก จึงไม่มีใครจะนำเอาทรัพย์สินสมบัติติดตัวมาได้มากมาย  แม้บางคนมีของติดตัวมาได้บ้างก็น้อยเต็มที ใครที่มีทองก็ติดต่อไปแลกไปขายกันได้ แต่เบื้องต้นต้องผ่านทะเลฝ่าคลื่นลมให้ถึงฝั่งให้ได้เสียก่อน

    ท่านผู้พิพากษาเล่าว่าตอนนั้นท่านเพิ่งจะอายุ 20 กว่าปี ต้องหนีสงครามลงเรือลอยลำมาขึ้นที่ฝั่งไทย อาศัยอยู่ในประเทศไทย จุดนี้ท่านเน้นว่า ภายใต้พระมหากษัตริย์ไทยที่เป็นชาวพุทธผู้ใจดีที่อาสาช่วยเหลือผู้อพยพร่วมกับสหประชาชาติจนได้เดินทางมายังอเมริกา แล้วท่านกล่าวต่อไปว่า สมบัติของท่านตั้งแต่หนีภัยสงครามออกจากบ้านมีชิ้นเดียวเท่านั้นคือ พระพุทธรูปจากบ้านของท่านสูงประมาณ 1 คืบ ท่านจะพกติดตัวของท่านด้วยความเชื่อมั่นว่า ท่านจะต้องไม่ตายเพราะพระคุ้มครองท่าน เป็นสมบัติชิ้นเดียวที่ติดกาย อยู่ในกระเป๋าเสื้อบ้าง อยู่ในกระเป๋ากางเกงบาง เวลานอนจะใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อและใช้มือวางไว้บนองค์พระจนหลับไปทุกคืน

    เมื่อท่านขึ้นจากเรือที่ลอยลำอยู่ในทะเลหลายวัน พระพุทธรูปของท่านก็ยังอยู่ ท่านพูดกับพระพุทธรูปด้วยภาษาภายในใจของท่าน ที่ท่านใช้คำว่า ว่า Sound of silence แปลตรงตัวว่าเสียงแห่งความเงียบ ท่านใช้คำได้คลาสสิคดีมาก ท่านบอกกับพระคู่ชีวิตของท่านว่า ไม่ว่าจะทุกข์ทรมานจะยากจนข้นแค้นแค่ไหน จะไม่ยอมทิ้งพระพุทธรูปจนกระทั่งลมหายใจสุดท้าย หากการเดินทางของเราสู่จุดหมายปลายทาง จบลงด้วยดี พระพุทธองค์จะได้ประทับบนหิ้งบูชา จะถวายดอกไม้ธูปเทียนเครื่องบูชาแก่พระองค์เป็นแน่แท้

    เล่าแบบรวบรัดตัดตอนต่อไปว่า หลังจากท่านได้โอกาสมาอยู่ที่อเมริกาในฐานะผู้อพยพ โดยมีที่พำนักแห่งแรกที่ซานโฮเซ ในบ้านที่รัฐบาลเตรียมไว้ให้ จากนั้นเมื่อรัฐบาลผ่อนคลายกฎระเบียบต่างๆจนให้ออกไปทำงานและเรียนได้อย่างอิสระเสรี ท่านจึงย้ายที่พำนักมาอยู่ลอสแอนเจลิส ช่วงที่อยู่ซานโฮเซก็ได้ไปเรียน โรงเรียนศึกษาผู้ใหญ่หลังจากเลิกงานทุกวัน เนื่องจากท่านรักการเรียนเมื่อพบโอกาสก็จะทุ่มเวลากับการเรียนอย่างเต็มที่ นั่นหมายความว่า ต้องทำงานประจำไปด้วย เวลาที่เหลือจากการทำงานหมดไปกับการเรียน

    บัดนี้พระพุทธรูปของท่านได้รับการประดิษฐานบนหิ้งพระเรียบร้อยแล้ว ท่านวางดอกไม้สีขาวเพียงดอกเดียว น้ำแก้วหนึ่งส้มหรือแอปเปิ้ลผลหนึ่งตรงหน้าพระพุทธรูปทุกวันไม่เคยขาด เพราะท่านตระหนักว่า พระพุทธรูปของท่านต้องเหน็ดเหนื่อยในการฝ่าฟันมาไม่แพ้กัน ยามอดต้องอดด้วยกัน ยามอิ่มต้องอิ่มด้วยกัน

    ทุกวันก่อนล้มตัวลงนอน ท่านจะเพ่งมองไปยังองค์พระ 5 นาที ในใจท่านไม่มีอะไร นอกจากพระพุทธเจ้า พระมหากรุณาคุณของพระองค์ ทุกคืนหลับไปอย่างอบอุ่นในอ้อมกอดของพระพุทธคุณ เวลาตื่นจะพลิกตัวกลับไปกราบพระพุทธรูป 3 ครั้งแล้วเริ่มต้นทำธุรกิจส่วนตัว เมื่อเตรียมตัวไปทำงาน จะมานั่งเพ่งสายตาไปยังพระพุทธรูปเสมือนว่ารับพลังแห่งความกรุณา บริสุทธิ์และเมตตา ให้การดำรงชีวิตในวันนั้นได้ผ่านพ้นไปอย่างราบรื่น

    การงานก้าวหน้าไปพร้อมกับการเรียนที่สูงขึ้น ยิ่งเรียนสูงขึ้น ก็ทำงานหาเงินมาส่งเสียตนเองให้พอเพียง เพื่อเป็นหนี้เงินกู้รัฐบาลให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ การเป็นหนี้น้อยหรือไม่มีหนี้เป็นสิ่งที่ดีที่สุดของชีวิต เป็นความคิดของชาวเอเซียแต่โบราณที่สั่งสอนลูกหลานสืบสานมา

    เมื่อจบการศึกษาอายุร่วม 40 ปี เพราะมิได้เรียนรวดเดียว บางเทอมดูท่าทางหนักก็หยุดไว้ก่อน การเงินการงานคล่องตัวก็เรียนต่อ ค่อยๆเดินทีละก้าวไม่ถอยหลังด้วยพลังแห่งมหาปัญญาคุณของพระพุทธองค์ ก็ทำให้จบการศึกษาและเปลี่ยนอาชีพจากงานที่ทำทุกอย่างที่ขวางหน้าไม่เป็นหลักแหล่งมาเป็นผู้พิพากษาที่ทำงานเป็นหลักเป็นฐานมั่นคงขึ้น

    เมื่อคราวแต่งงานมีครอบครัว สิ่งที่จะต้องทำความเข้าใจกับคนรักก่อนคือ ท่านเชื่อว่า ความปลอดภัยและความสำเร็จของท่านมาจาก พุทธานุภาพ จึงต้องทำความเข้าใจกับคนรักของท่าน เงื่อนไขหนึ่ง ต้องรักพระพุทธรูปของท่านด้วย ชาวอเมริกันพูดว่า Love me love my dog รักฉันต้องรักหมาฉันด้วย แต่ในกรณีของท่านผู้พิพากษา ต้องพูดใหม่ว่า Love me love my Buddha รักฉันก็ต้องรักพระพุทธเจ้าของฉันด้วย โชคดี คนรักของท่านก็เป็นชาวเวียดนามแม้อายุจะอ่อนกว่าท่านถึง 10 กว่าปี แต่ท่านเจอคนรักในพิธีสวดมนต์ที่วัดเวียดนามที่เพิ่งจะสร้างขึ้นมา ต่างคนต่างอาสาสมัครช่วยงานวัดกันมาอย่างแข็งขัน จึงเป็นโชคดี แล้วท่านก็หยอดว่า ภรรยาของผมคนนี้ เป็นของขวัญอันประเสริฐที่พระพุทธเจ้าประทานมา

    สิ้นประโยคนี้ภรรยาของท่านในชุดขาวลุกขึ้นยืนโค้งและพนมมือไหว้ไปรอบๆ ห้อง เสียงปรบมือกึกก้อง ความงดงามอ่อนโยนสวยสมวัยแบบหญิงเอเซียทั่วไปสร้างความประทับใจกับผู้ฟังในห้องนั้นไม่น้อย

    ท่านผู้พิพากษาสรุปว่า ผมเชื่อว่า ผมได้รับพลังจากพระพุทธองค์ขับเคลื่อนให้หนีภัยสงครามอย่างปลอดภัย ผมทำงานและเรียนจนสำเร็จ มีความสุขในการทำงาน ชีวิตครอบครัวของผมก็ได้รับพรจากพระพุทธเจ้า ลูกๆของผมก็จบการศึกษามีการงานทำมีชีวิตที่สดใสอยู่ภายใต้ร่มพระธรรมพรของพระพุทธองค์ ท่านผู้พิพาษาใช้คำว่า Blessing หลายครั้ง อาตมาก็แปลว่า พร หรือของขวัญจากพระพุทธองค์

    ท่านผู้พิพากษาท่านนี้ในวันที่อภิปรายอายุน่าจะถึง 70 ปีเพราะท่านบอกว่าเกษียณแล้ว ประวัติของท่าน เป็นชาวพุทธเวียดนามที่ขับเคลื่อนกิจกรรมทางพุทธศาสนาในหลายๆด้านอย่างจริงจัง ทุกชุมชนเวียดนามที่เจริญก้าวหน้าล้วนตามมาด้วยวัดที่ยิ่งใหญ่อลังการเสมอ ทั้งนี้เพราะบุคลิกของชาวพุทธเวียดนามส่วนใหญ่ มีความศรัทธาในพระพุทธองค์แบบสุดจิตสุดใจจริงๆ

    อาตมาก็คงจะจบเรื่องพุทธานุภาพตามคำบอกเล่าของท่านผู้พิพากษาชาวเวียดนามไว้แต่เพียงแค่นี้ จากคำบอกเล่าของท่านพอจะสรุปลงในพระพุทธภาษิตบทหนึ่งว่า สทฺธา สาธุ ปติฏฐิตา ศรัทธาที่ตั้งมั่นดีแล้ว ยังประโยชน์ให้สำเร็จ ขอพุทธานุภาพ ธรรมานุภาพและสังฆานุภาพ จงอำนวยพรให้ท่านผู้อ่านมีแต่ความสุข สำเร็จและสงบเย็นสืบไปเทอญ

วันที่ 26 สิงหาคม 2562 เวลา 10.07 น.
วัดพุทธปัญญา เมืองโพโมน่า รัฐแคลิฟอร์เนีย

 




นำเสนอข่าวโดย : ภาณุพล รักแต่งาม,
แหล่งที่มาข่าวโดย : สยามทาวน์ยูเอส
12-07-2022 บันทึกไว้สมัยเรียนบาลี : ตอนที่ 50 สุดทางสายบาลี (0/2823) 
06-07-2022 บันทึกไว้สมัยเรียนบาลี : ตอนที่ 49 ฝึกฝนตนที่วัดชลประทานรังสฤษฎ์ (0/656) 
28-06-2022 บันทึกไว้สมัยเรียนบาลี : ตอนที่ 48 สอบได้แต่แม่เสีย (0/622) 
20-06-2022 บันทึกไว้สมัยเรียนบาลี : ตอนที่ 47 สอบเปรียญธรรม 7 ประโยคได้ (0/687) 
07-06-2022 บันทึกไว้สมัยเรียนบาลี : ตอนที่ 46 กราบหลวงพ่อปัญญานันทะ (0/676) 

แสดงความคิดเห็น

Name :

Detail :




ฉบับที่
599
siamtownus newspaper








Hots Clip VDO ดูทั้งหมด

ขออภัยสัญญาณ VDO มีปัญหากำลังดำเนินการแก้ไข