เขตการศึกษาลอส แอนเจลิส หรือ L.A. Unified school district ถือเป็นเขตการศึกษาที่มีนักเรียนมากเป็นอันดับสองของประเทศ คือมีนักเรียนตั้งแต่อนุบาลจนถึงเกรด 12 (K-12) มากกว่า 670,000 คน จากสถานศึกษามากกว่า 1,300 แห่ง รวมถึงโรงเรียนสำหรับเด็กก่อนวัยเรียน และโปรแกรมศึกษาผู้ใหญ่ด้วย ดังนั้น ในช่วงสัปดาห์แรกของการเปิดเทอม ซึ่งเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่วันที่ 20 สิงหาคมนี้ ย่อมนำมาซึ่งปัญหาความวุ่นวายบนท้องถนนในช่วงเช้าและเย็นอย่างเลี่ยงไม่ได้
โดยนอกจากนักเรียนจำนวนมหาศาลแล้ว ช่วงเปิดเทอมยังหมายถึงการกลับไปทำงานของครู และเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆ ด้วย โดยเขตการศึกษาลอส แอนเจลิส มีจำนวนครูและเจ้าหน้าที่มากเป็นดับสองของประเทศเช่นกัน
ข่าวบอกว่าเขตการศึกษาแอลเอ มีรถบัสรับส่งนักเรียนประมาณ 1,600 คัน วิ่งไปตามถนนหนทางเพื่อรับส่งนักเรียนเกือบ 40,000 คน ซึ่งถือว่าน้อยมากหากเทียบกับจำนวนนักเรียนทั้งหมด โดยมีนักเรียนอีกกว่า 600,000 คน มีผู้ปกครองขับรถไปส่ง และมีอีกบางส่วนที่เดินไปโรงเรียน
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ประชาสัมพันธ์ของ AAA (Auto club of Southern California) ออกมาเตือนผู้ใช้รถใช้ถนนเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ให้ผู้ขับรถรถยนต์ ใช้ความระมัดระวังมากขึ้นขณะสัญจรผ่านเขตโรงเรียน หรือขับผ่านรถโรงเรียนที่จอดอยู่ข้างถนน เพราะช่วงเปิดเทอม จะเป็นช่วงที่เด็กๆ ตื่นเต้นสนุกสนาน จนบางครั้งก็เผลอเรอในเรื่องของความปลอดภัย อีกทั้งเตือนชาวแอลเอ ให้เผื่อเวลาสำหรับการเดินทางเอาไว้ด้วย
“ศึกษาเส้นทางไปทำงานดูว่ามีเส้นทางไหนที่เลี่ยงเขตโรงเรียนได้บ้าง ก็จะช่วยประหยัดเวลาได้มาก” ประชาสัมพันธ์ของ AAA ระบุ
ในส่วนของผู้ปกครองนั้น AAA แนะนำว่าให้สอนหรือย้ำเรื่องความปลอดภัย และให้เด็กตื่นตัวตลอดเวลาด้วย ขณะเดียวกัน ผู้ปกครองก็ต้องระมัดระวังขณะขับรถไปส่งลูกหลานด้วย โดยเฉพาะขณะอยู่ในเขตโรงเรียน เช่นขับรถตามความเร็วกำหนด จอดรถให้สนิทเมื่อเจอป้ายจอด (stop signs) และใช้ความระวังอย่างสูงเมื่อขับผ่านรถโรงเรียน
“เป็นเรื่องที่ทุกคนรู้ แต่ในช่วงเวลารีบด่วน ที่คุณกำลังจะไปทำงานสาย บางทีเรื่องนี้ก็ถูกลืมไป” ประชาสัมพันธ์ของ AAA ระบุ
นอกจากนี้ ปีการศึกษา 2019 ยังมาถึงพร้อมประเด็นถกเถียงกันระหว่างนักการศึกษา ครู รวมถึงนักเรียนและผู้ปกครองในเขตการศึกษาลอส แอนเจลิส ด้วย
โดยข่าวระบุว่า ปีการศึกษานี้ เขตการศึกษาแอลเอ จะเริ่มใช้ระบบจัดอันดับโรงเรียน หรือ school ranking system โดยจะให้ผู้ปกครองและนักการศึกษา ร่วมกันวิเคราะห์ผลการบริหารจัดการของโรงเรียน ทั้งโรงเรียนของรัฐ และโรงเรียนเอกชน โดยวิเคราะห์จากจำนวนครู ผลการสอบและพัฒนาการทางวิชาการของนักเรียน จำนวนเด็กขาดเรียน ฯลฯ โดยจะให้เกรดโรงเรียนระหว่าง 1 ถึง 5
ข่าวบอกว่า เขตการศึกษาแอลเอ จะทดลองใช้ระบบการจัดเกรดโรงเรียนในปีการศึกษานี้ ทั้งที่เรื่องนี้ยังคงเป็นที่ถกเถียงของหลายฝ่าย โดยฝ่ายที่เห็นด้วยให้ความเห็นว่าเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ปกครองได้เลือกโรงเรียนที่ดีที่สุดสำหรับลูกหลาน โดยใช้ผลการจัดอันดับเป็นตัวชี้วัด ขณะที่ นิก นิค เมลวอน นักการศึกษาแห่งคณะกรรมาธิการการศึกษาของเขตการศึกษาแอลเอ มองว่าระบบนี้ จะทำให้ผู้ปกครองและคณะครู ทำงานร่วมกันในการ “พัฒนา” หรือแก้ไขปัญหาในสถาบันการศึกษาของตนเอง
ส่วนฝ่ายค้านในประเด็นนี้ ให้ความเห็นว่าระบบให้เกรดโรงเรียนไม่ใช่วิธีแก้ไขปัญหา เช่นนักเรียนบางคนมองว่าจะเป็นการเพิ่มแรงกดดันให้กับนักเรียนและโรงเรียนที่มีผลการบริหารจัดการไม่ดี ให้มีสภาพย่ำแย่มากขึ้น
“ฉันไม่คิดว่าเป็นความคิดที่ดีในการเอาโรงเรียนมาแข่งขันกัน เพราะปัจจุบันก็มีการแข่งขันรุนแรงอยู่แล้ว” นักเรียนหญิงคนหนึ่งกล่าว
ผู้ปกครองคนหนึ่งให้ความเห็นในเชิงไม่เห็นด้วยว่า ผลการจัดอันดับโรงเรียน จะทำให้ผู้ปกครองเอาเด็กออกจากโรงเรียนที่ได้รับเกรดต่ำเป็นจำนวนมาก ซึ่งจะส่งผลกระทบกับนักเรียน และโรงเรียนเรียนทุกแห่งด้วย.