เป็นที่แน่นอนแล้วว่า นางมิเชลล์ ปาร์ค สตีล คณะกรรมการบริหารของออเรนจ์ เคาน์ตี้ อดีตคณะกรรมาธิการภาษีของรัฐแคลิฟอร์เนีย นักการเมืองเชื้อสายเกาหลี ผู้แสดงตัวอย่างชัดเจนว่าเป็น “เพื่อนที่ดี” ของชุมชนไทยในนครลอส แอนเจลิส ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ไม่ได้รับการพิจารณาจากประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ให้รับตำแหน่งเอกอัคราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย อย่างที่มีกระแสข่าวในช่วงปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้เพราะเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ทำการเสนอชื่อของนายไมเคิล จอร์จ เดอซอมเบร นักกฎหมายจากรัฐอิลลินอยส์ เข้ารับตำแหน่งเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย ต่อสภาคองเกรส เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เดอซอมเบร ซึ่งเป็นหุ้นส่วนของบริษัทกฎหมายซุลลิแวน แอนด์ ครอมเวลล์ แอลแอลพี ซึ่งมีความเชี่ยวชาญเรื่องการเข้าซื้อและการควบรวมกิจการในเอเชีย มีตำแหน่งทางการเมืองในพรรครีพับลิกันมากมาย เช่นเป็นประธานระดับโลก (worldwide president) ของพรรครีพับลิกัน และเป็นคณะกรรมการอำนวยการของพรรครีพับลิกันในต่างประเทศ, เป็นประธาน ฮองกงฟอรัม ซึ่งมีหน้าที่ในการส่งเสริมให้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้ ระห่างบรรดานักการศึกษา และนักการเมืองทั่วโลก โดยงานของเขาส่วนใหญ่อยู่ในฮ่องกง และเอเชียเสียเป็นส่วนใหญ่ในระยะ 20 ปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ หากได้รับความเห็นชอบจากสภาคองเกส เดอซอมเบร จะเข้าทำหน้าที่แทน เกลน เดวี่ส์ ที่พ้นวาระมาตั้งแต่เดือนกันยายน ปีที่แล้ว
นายเดอซอมเบร สำเร็จการศึกษาด้านเศรษฐศาสตร์เชิงปริมาณ เมื่อปี 1990 และปริญญาโทด้านเอเชียศึกษา จากมหาวิทยาลัยวแตนฟอร์ดและได้รับปริญญากฎหมายเกียรตินิยมจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เมื่อปี 1995 มีความเชี่ยวชาญภาษาจีนแมนดาลิน และสามารถใช้ภาษาเกาหลีกับภาษาญี่ปุ่นในระดับที่ดี
และเมื่อวันที 17 กรกฎาคม ที่ผ่านมา เพจเฟซบุ๊กของสถานทูตสหรัฐฯ ประจำกรุงเทพมหานคร เผยแพร่สารจากนาย ไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ระบุว่า สหรัฐฯ กำลังเฝ้ารอที่จะได้ร่วมงานกับรัฐบาลใหม่ของไทย ย้ำความสัมพันธ์แน่นแฟ้นระหว่างทั้งสองประเทศ
สารจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ปอมเปโอ มีเนื้อความว่า “รัฐบาลชุดใหม่แห่งราชอาณาจักรไทย สหรัฐอเมริกาตั้งตารอที่จะได้ร่วมงานกับรัฐบาลที่จัดตั้งขึ้นใหม่ของไทย เพื่อกระชับสัมพันธไมตรีและความร่วมมือระหว่างประเทศของเราทั้งสอง อันจะทำให้มิตรภาพกว่าสองร้อยปีระหว่างประชาชนของเราเจริญงอกงามต่อไป เราสนับสนุนความโปร่งใสและธรรมาภิบาลในทุกประเทศทั่วโลก และจะยังคงทำงานร่วมกับประชาชนชาวไทยและรัฐบาลไทยเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าว
“พันธไมตรีระหว่างสหรัฐอเมริกาและประเทศไทยแข็งแกร่งเหมือนเช่นที่เคยเป็นมาไม่เปลี่ยนแปลง และเราจะยังคงสนับสนุนประเทศไทยในฐานะผู้นำของภูมิภาค อันรวมถึงการเป็นประธานอาเซียนในปีนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างเราจะแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้นเมื่อเราร่วมมือกันขับเคลื่อนเป้าหมายที่ทั้งสองประเทศมีร่วมกัน อันได้แก่ ความมั่นคง สันติภาพ และความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก และทั่วโลก”.
.
.