เดวิด ตรัน ทดลองผลิตซอสพริก ที่เขาบอกว่าเป็นสูตรเดิมของครอบครัวตั้งแต่ครั้งยังอยูดีมีสุขกันที่เวียดนาม โดยใช้ครัวที่บ้านเป็นโรงงาน เสร็จแล้วก็บรรจุขวด ออกเร่ขายตามร้านอาหารจีนในไชน่าทาวน์ ตั้งแต่ปี 1979 โดยใช้รถแวนสีน้ำเงินเพ้นท์สีเป็นรูปไก่โต้ง เป็นพาหนะ
ไก่โต้งตัวดังกล่าว กำเนิดขึ้นเพราะเดวิด ตรัน เกิดปีระกา แต่ต่อมากลายเป็นสัญลักษณ์ของซอสพริกที่คนอเมริกันแทบจะกราบกราน... ขนาดเรียกทับศัพท์กันเลยว่า “ซอสไก่โต้ง”
เดวิด ตรัน ผู้เฒ่าวัย 73 บอกเอาไว้ในบทสัมภาษณ์หลายต่อหลายครั้งว่า ไม่ได้ลอกเลียนรสชาติจากซอสพริกศรีราชา อีกทั้งไม่เคยกินซอสพริกศรีราชาของไทยด้วย
เดือนแรก เดวิด ตรัน มีรายได้จากซอสพริกศรีราชาแค่ 2,300 ดอลลาร์ แต่วันนี้ 40 ปีให้หลัง เขามีส่วนแบ่งตลาด 9.9 เปอร์เซ็นต์ของซอสพริกในอเมริกา ที่มีมูลค่าปีละกว่า 1.55 พันล้านดอลลาร์ (ข้อมูลจาก IBISWorld)
โรงงานผลิตซอสพริกศรีราชาวันนี้ เป็นโรงงานใหญ่ ทันสมัย ตั้งอยู่ในเมืองเออร์วินเดล ห่างจากดาวน์ทาวน์แอลเอ ออกไปทางตะวันออกประมาณ 20 ไมล์ มีกำลังผลิตซอสพริกตราไก่โต้ง ขวดแดงฝาเขียว วันละเกือบแสนขวด โดยต้องผลิตวันละ 16 ชั่วโมงตลอดเจ็ดวัน จึงจะเพียงพอต่อ “ดีมานด์” ที่สูงขึ้นตลอดเวลา
การบดพริกสดปีละกว่าร้อยล้านปอนด์ ณ โรงงานแห่งนี้ ส่งกลิ่นฉุนจนชาวเมืองรอบๆ โรงงานต้องฟ้องร้องกับเทศบาล และโรงงานก็ถูกเทศบาลสั่งระงับการผลิตระยะหนึ่ง แต่ก็เพียงครู่เดียว เพราะกระแสกลัวซอสพริกศรีราชาขาดตลาด ก็กดดันจนเรื่องเงียบไปในเวลาต่อมา... และฮุยฟอง ก็อยู่ดีมีสุขเรื่อยมาจนถึงวันนี้....
อิทธิพลของซอสพริกศรีราชาตราไก่โต้ง ที่จดทะเบียนถูกต้องในแคลิฟอร์เนียนั้น รุนแรงถึงขั้นทำให้ ซอสพริกศรีราชา ของแท้จากประเทศไทย ถูกมองว่าเป็นสินค้าเลียนแบบ เหมือนกับสินค้าเลียนแบบจริงๆ ที่มาจากหลายแหล่ง ทั้งจากจีน ญี่ปุ่น เวียดนาม และที่ผลิตในอเมริกาด้วยกันก็มีอีกหลายยี่ห้อ รวมถึงยี่ห้อ Underwood Ranches ที่เดิมเคยเป็นผู้ปลูกพริกฮาลาพินโญ่ป้อนให้กับโรงงานของฮุยฟองด้วย
คงเป็นเพราะเหตุนี้ ซอสพริกตราศรีราชาพานิช ของไทย จึงเปลี่ยนตัวสะกดภาษาอังกฤษข้างขวดเป็น Sriraja Panich ดังที่เราเห็นกัน
แต่พวกเราคงจะรู้ดีว่า ต้นกำเนิดของซอสพริกศรีราชานั้น อยู่ที่อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี โดยคำว่า “ศรีราชา” เปรียบเหมือนเป็นชนิดของซอสพริก ที่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ และมีการผลิตซอสพริกศรีราชากันหลายเจ้า รวมถึง “ศรีราชาพานิช” ก็เป็นอีกหนึ่งเจ้าที่ถือว่าเป็นผู้ผลิตดั้งเดิม
ข้อมูลบนเว็บไซต์ของ “ศรีราชาพานิช” บอกว่าซอสพริกศรีราชาพานิช ผลิตขึ้นครั้งแรกเมื่อกว่า 80 ปีก่อน ณ ตรอกแหลมฟาน ในตัวอำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี เริ่มจากเป็น “น้ำพริก” ฝีมือของคุณแม่ถนอม จักกะพาก ที่เป็นสูตรลับส่งต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่นเพื่อรับประทานคู่กับอาหารทะเล แต่เมื่อนำไปให้เพื่อนบ้านได้ลองทานแล้วต่างก็ติดใจในรสชาติ นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของสูตรต้นตำรับที่กลายมาเป็นซอสพริกศรีราชาในนาม “ศรีราชาพานิช” หนึ่งในผู้ผลิตเจ้าแรกที่ได้รับความนิยมทั้งคนในพื้นที่และนักท่องเที่ยว จนกลายเป็นผลิตภัณฑ์ขึ้นชื่อของอำเภอศรีราชา
ในปี 1984 บริษัท ไทยเทพรส จำกัด (มหาชน) เจ้าของซอสปรุงรสตราภูเขาทอง ได้เข้าซื้อกิจการและจัดจำหน่ายจนเป็นที่รู้จักในวงกว้าง ทั้งในประเทศไทยและส่งออกไปกว่า 50 ประเทศทั่วโลกจนถึงปัจจุบัน
และล่าสุด บลูมเบิร์ก สำนักข่าวใหญ่ของอเมริกา เพิ่งจะรายงานข่าวเมื่อวันที่ 5 เมษายนที่ผ่านมาว่า ไทยเทพรส พร้อมจะส่งซอสพริกศรีราชาพานิช มาตีตลาดอเมริกาอย่างจริงจังอีกครั้งหนึ่งแล้ว
โดยข่าวอ้างคำพูดของ บัญชา วิญญรัตน์ รองประธานบริษัทไทยเทพรสฯ ว่าผู้บริโภคในอเมริกา นิยมซอสพริกศรีราชาตราไก่โต้งมาก แต่รสชาติจะแตกต่างกับซอสพริกศรีราชาของไทย ที่จะมีรสเปรี้ยวเจือปนด้วย และว่าที่ผ่านมา ทางไทยเทพรสฯ ได้มีการปรับแพคเกจจิ้งของซอสพริกศรีราชา ให้ดูทันสมัย และเหมาะสมกับตลาดอเมริกามากขึ้น
“ถ้าเราสามารถได้ส่วนแบ่งตลาดซอสพริกในสหรัฐฯ แค่เปอร์เซ็นต์เดียวก็ถือว่ายิ่งใหญ่มากแล้วสำหรับเรา” บัญชา วิญญรัตน์ คนหนุ่มวัย 33 ปีกล่าว
บลูมเบิร์ก เปรียบเทียบด้วยว่าไทยเทพรส จำกัด (มหาชน) ซึ่งถือว่าเป็น “เจ้าตลาด” ของสินค้าซอสปรุงรสในเมืองไทยนั้น มีมูลค่าตลาดกว่าแปดพันล้านบาท หรือประมาณ 251 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ฮุยฟอง ซึ่งมีสินค้าหลักคือซอสพริกศรีราชาตราไก่ มีรายได้เกือบจะสองเท่า ในปี 2013
และในขณะที่ศรีราชาพานิช พยายามรุกเข้ามาในอเมริกานั้น ศรีราชาตราไก่โต้งของฮุยฟอง ซึ่งมีฉายานามบนโซเชียลมีเดียว่า “คิง ออฟ อเมริกัน ศรีราชา” ก็กำลังรุกเข้าไปในเอเชีย รวมถึงประเทศไทยด้วยเช่นกัน
ซึ่งดูทีแล้วทั้งสองแบรนด์ จะต้องเผชิญกับความท้าทายที่คล้ายๆ กัน ทั้งในเรื่องรสชาติที่ต่างกันมาก เพราะซอสพริกของฮุยฟอง ใช้พริกฮาลาพินโญ่สีแดงจากแคลิฟอร์เนีย และอีกหลายภูมิภาคในอเมริกาเป็นองค์ประกอบหลัก ขณะที่ซอสพริกศรีราชาของไทย ซึ่งมีความข้นเหนียว และเผ็ดน้อยกว่านั้น ใช้พริกชี้ฟ้าจากภาคเหนือและภาคกลางของไทยเป็นวัตถุดิบหลัก
แต่อุปสรรคที่ใหญ่กว่ารสชาติก็คือความภักดีต่อแบรนด์ ที่คนไทยและกลุ่มประเทศในเอเชียมีให้กับสินค้าไทย ทำให้ซอสตราไก่โต้ง ยังคงทำตลาดเอเชียในลักษณะ “สินค้าออนไลน์” เป็นหลัก
เช่นเดียวกับที่เรายังไม่เห็นซอสพริกศรีราชาพานิช ในซูเปอร์มาร์เก็ต หรือตลาดเอเชียในแคลิฟอร์เนียมากนัก เพราะผู้บริโภคที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นชาวเอเชียหรืออเมริกัน ยังคงทำตัวเป็นสาวกของซอสพริกขวดแดงฝาเขียวแบรนด์นี้อย่างเหนียวแน่นนั่นเอง
บลูมเบิร์ก ถามผู้เฒ่าเดวิด ตรัน ว่ากังวลหรือไม่กับ “คู่แข่ง” ที่ผลิตซอสพริกศรีราชาออกมาปันส่วนแบ่งตลาดกันเยอะแยะมากมาย รวมถึงสินค้าเครื่องปรุงรสแบรนด์เนมของอเมริกา อย่าง Tabasco, Frank’s Red Hot และ Heinz ต่างก็ผลิตซอสพริกศรีราชา ออกมาด้วย
เดวิด ตรัน บอกว่าเขา “เวลคัม” ทุกคน โดยให้เหตุผลว่า Americans’ appetite for Sriracha is insatiable (ความอยากกินศรีราชาของคนอเมริกันนั้นเพิ่มขึ้นอยู่เรื่อยๆ)
“ผมไม่เคยกังวลว่าพวกเขาจะขายได้มากกว่าหรือน้อยกว่า เพราะเรามัวแต่ยุ่งกับการผลิตสินค้าของเรา” เดวิด ตรัน บอก “ผมรู้ว่าไม่มีทางผลิตสินค้าของผมให้พอกับความต้องการได้ เพราะฉะนั้นปล่อยให้พวกเขาทำไป ทำด้วยกันเพื่อผู้บริโภค”
เราเอาเรื่องราวของซอสพริกศรีราชา ที่ปรากฎเป็นข่าวในสื่อยักษ์ของอเมริกามานำเสนอกันอีกครั้ง เพื่อบอกกล่าวกับคนไทยในอเมริกาให้ทราบ เผื่อจะมีใจ ช่วยอุดหนุน และเป็นกำลังใจกับสินค้าต้นฉบับของไทย ซึ่งถูกมองเป็นเพียงสินค้าเลียนแบบในอเมริกานี้กันบ้าง....