การให้ทาน มีอยู่ 3 ประการคือ
อามิสทาน ได้แก่ การให้วัตถุสิ่งของ เช่น เสื้อผ้า อาหาร ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค ยานพาหนะ เงินทอง เครื่องมือสื่อสาร และสิ่งอื่นๆตามที่เห็นว่ามีความเหมาะสมและสะดวกที่จะให้
ธรรมทาน คือ การให้คำแนะนำที่ดีเป็นประโยชน์ ให้เครื่องมือสื่อธรรม เช่น หนังสือ หรือสื่อต่างๆที่เป็นประโยชน์แก่การดำรงชีวิตด้วยความถูกต้องดีงาม การปฏิบัติธรรมให้ดูเป็นตัวอย่างจนเป็นที่ประทับใจของผู้ที่ได้พบเห็น แล้วมีความพอใจในธรรมที่จะปฏิบัติธรรมตามจนธรรมให้ผลเป็นความสุข หรือ การทำให้ดู อยู่ให้เห็น และเย็นให้สัมผัส ล้วนเป็นเรื่องของธรรมทานทั้งสิ้น
อภัยทาน คือ การให้อภัย ซึ่งอาจจะทำได้ใน 2 ประการคือ ให้อภัยแก่คนที่เคยทะเลาะเบาะแว้งขัดแย้งกัน เคยโกรธกัน หรือ บาดหมางกัน เป็นการให้อภัยเป็นการจำเพาะเจาะจง ส่วนการให้อภัยอีกอย่างหนึ่ง คือ การอภัยแก่มนุษย์และสัตว์ทั้งหลายด้วยการไม่เพ่งโทษ ไม่มองด้วยการจับผิด หรือ ตัดสินว่าเป็นอย่างนี้อย่างนั้น แต่มองแบบธรรมดาตามที่ปรากฏแม้บางครั้งจะมีใครเขาถือโทษโกรธเคืองก่นด่าประณาม แต่เมื่อยังมีสติดีก็ยังคงอภัยในความผิดพลาดของบุคคลนั้นๆ การให้อภัยแบบนี้เรียกว่า การให้อภัยโดยทั่วไป
การทำทานประการแรก คือ อามิสทาน ได้แก่ วัตถุสิ่งของ จะต้องจัดทำหรือซื้อหา แต่การทำธรรมทานและอามิสทานไม่ต้องซื้อหาบริหารจัดการแต่ประการใด สามารถทำได้ด้วยกาย วาจา และใจ เป็นเครื่องชำระจิตให้ผ่อนคลายจากความตระหนี่ถี่เหนียว เพิ่มความเมตตากรุณาและความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ทุกครั้งที่ได้ลงมือ ทำ หรือ พูด หรือ คิดอย่างถูกต้องนี้
มีการสทนากันมากว่า อามิสทานนั้นควรให้แก่ใครบ้างด้วยจุดประสงค์อันใด
จุดประสงค์ใหญ่ๆของการให้อามิสทานมี 3 ประการ คือ
1 ให้เพื่อตอบแทนพระคุณ เช่น การให้เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม อาหาร ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค และเครื่องใช้ไม้สอยที่จำเป็นแก่บิดามารดา นับเป็นการให้เพื่อตอบแทนพระคุณเพราะบิดามารดาเคยมีพระคุณแก่เรามาก่อน ด้วยการให้ชีวิตและให้สิ่งของเงินทองสร้างอนาคตมากมายเหลือจะพรรณนา เมื่อใดบุตรธิดานำสิ่งของเงินทองให้แก่พ่อแม่ เป็นการให้เพื่อการตอบแทนพระคุณ เป็นทานที่ควรให้ก่อนทานทั้งปวง การที่ลูกๆซาบซึ้งในพระคุณบิดามารดาแล้วหมั่นตอบแทนคุณเช่นนี้จะเป็นผลดีต่อการสร้างสวัสดิการทางสังคมบนพื้นฐานแห่งพุทธธรรม จะนำความสุขความเจริญมาสู่ครอบครัว สังคมและประเทศชาติได้เป็นอย่างดี
2 ให้เพื่อบูชาพระคุณ การให้ข้าวของเงินทองเสื้อผ้าอาหาร รักษาพยาบาลดูแลบิดามารดา ครูอาจารย์ บุคคลผู้เพียบพร้อมด้วย คุณวุฒิ ชาติวุฒิ และวัยวุฒิ นับเป็นการให้เพื่อการบูชา การถวายจีวร อาหารบิณฑบาต เสนาสนะและเภสัช แก่พระภิกษุสงฆ์จัดเป็นการบูชาคุณเช่นกัน เพราะพระสงฆ์ทั้งหลายเป็นผู้บวชเพื่อประพฤติพรหมจรรย์ตั้งมั่นอยู่ในไตรสิกขา คือ ศีล สมาธิ และปัญญา นับได้ว่า การปฏิบัติเหล่านั้นเป็นคุณแก่ประชาชนและสัตว์ทั้งหลายโดยส่วนรวม เพราะข้อปฏิบัติเหล่านั้นมุ่งเน้นการงดเว้นจากการเบียดเบียนเพื่อนมนุษย์ และสัตว์ทั้งหลาย ตลอดถึงลดการใช้สอยทรัพยากรธรรมชาติเป็นการช่วยโลกอีกทางหนึ่ง
3 ให้เพื่อสงเคราะห์และอนุเคราะห์ ในโลกนี้มนุษย์เกิดมาแม้จะเท่าเทียมกันตามหลักแห่งความเสมอภาคในฐานะแห่งความเป็นมนุษย์ด้วยกัน แต่ในวิถีชีวิตจริงๆมนุษย์มีชีวิตแตกต่างกันในหลายๆด้าน ตลอดถึงฐานะทางเศรษฐกิจที่แตกต่างกัน กล่าวได้ว่าเป็นธรรมเนียมของทุกมุมโลกหรือทุกศาสนา ที่ต่างมีหลักธรรมว่าด้วยเรื่องการให้เหมือนๆกัน และหลักธรรมคือ การให้ในรูปแบบของการสงเคราะห์อนุเคราะห์นี้เป็นวิถีธรรมที่ปฏิบัติกันมา ได้ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ได้มากมายบนโลกใบนี้ เป็นวัฒนธรรมและค่านิยมอันดีงามในเรื่องจิตอาสา ที่กลายเป็นจริยธรรมสากลที่มนุษย์จะดูแลผู้ประสบทุกข์ยากด้านปัจจัย 4ด้วยความเต็มใจอันประกอบไปด้วยเมตตากรุณา หลักธรรมข้อนี้ได้แปรเป็นกองทุนและมูลนิธิต่างๆที่กระจายกันอยู่ทั่วโลก ความเอื้อเฟื้อด้วยน้ำใจนี้ คือ การให้เพื่อการสงเคราะห์อนุเคราะห์
รคำถามยอดฮิตที่ถามกันมานานว่า ทำทานแก่ใครดี
คำตอบก็อิงอาศัยพระพุทธภาษิตที่ว่า “พระพุทธเจ้าสรรเสริญคนที่พิจารณาอย่างถ้วนถี่แล้วให้ทาน”
พระพุทธภาษิตนี้บ่งชี้ว่า จะให้ทานแก่ใคร ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของผู้ให้ หากเจ้าของทานได้ใคร่ครวญดีแล้วว่า ให้ทานแก่ใครแล้วได้บุญ คือ ความสบายใจ และได้อานิสงส์ คือ เป็นประโยชน์ ก็พึงให้แก่บุคคลนั้นหรือองค์กรนั้นๆเถิด การให้ที่ได้บุญมากก็สังเกตได้ว่า ก่อนให้เป็นสุข กำลังให้เป็นสุข ให้แล้วเป็นสุข บุญอยู่ตรงนั้น ส่วนอานิสงส์ คือ ประโยชน์อันเกิดจากทานนั้น เช่นได้บริจาคเงินเพื่อสร้างศาลาหลังหนึ่ง ขณะที่บริจาคได้บุญไปก่อนแล้ว เมื่อศาลาถูกสร้างเสร็จแล้ว พระภิกษุสงฆ์ อุบาสก อุบาสิกา พุทธศาสนิกชนทั้งหลายพากันมาใช้สอยงานต่างๆเป็นอเนกประสงค์ ทุกครั้งที่ศาลานั้นได้รับการใช้งาน บุญเกิดแก่ผู้บริจาคนั้น ผู้มาใช้งาน เช่น มาภาวนาก็ได้รับประโยชน์จากศาลานั้นเป็นความสงบเย็นก็นับเป็นอานิสงส์
ท่านที่รักการให้ทานทั้งหลาย ทุกคนสามารถทำทานได้ตลอดเวลา มีวัตถุสิ่งของก็ทำด้วยสิ่งของ มีเงินทำด้วยเงิน มีเวลาทำด้วยเวลา มีความสามารถ ทำด้วยความสามารถ และที่สำคัญทำด้วยใจ ด้วยการเจริญเมตตากรุณา ไม่ถือโทษ ไม่โกรธใคร หนักนิดเบาหน่อยก็ให้อภัย บุญเกิดจากการให้ทานก็จะเกิดขึ้นทุกวัน ด้วยผลแห่งทานขอทุกท่านจงเจริญด้วยพรชัย 4 ประการ คือ อายุ วรรณะ สุขะ พละ ความสำเร็จ สืบไป
วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา 7.06 น.
วัดพุทธปัญญา เมืองโพโมน่า รัฐแคลิฟอร์เนีย