เบอร์นี่ แซนเดอร์ส วุฒิสมาชิกรัฐเวอร์มอนต์ของสหรัฐฯ วัย 77 ปี ประกาศลงสมัครเป็นแคนดิเดตพรรคเดโมแดรตเพื่อชิงชัยตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในศึกเลือกตั้งใหญ่ปี 2020 เป็นการลงชิงชัยติดต่อกันเป็นครั้งที่ 2 ของแซนเดอร์ส หลังจากที่พ่ายให้กับ ฮิลลารี คลินตัน ในการเลือกตั้งระดับไพรมารีเมื่อปี 2016
หลังอุบเงียบมานานท่ามกลางกระแสข่าวลือว่าเขาจะลงสู้ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีอีกครั้ง ล่าสุด เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2019 แซนเดอร์ส ได้เปิดเผยในระหว่างให้สัมภาษณ์กับสถานีวิทยุท้องถิ่นของรัฐเวอร์มอนท์ว่า เขาตัดสินใจลงชิงเก้าอี้ผู้นำทำเนียบขาวในฐานะตัวแทนของพรรคเดโมแครต
“เราเริ่มต้นปฏิรูปการเมืองในแคมเปญปี 2016 บัดนี้ถึงเวลาแล้วที่จะผลักดันการปฏิรูปให้เดินหน้าต่อไป” แซนเดอร์สกล่าว
ทั้งนี้แซนเดอร์สถูกมองเป็นม้านอกสายตาในสมัยที่ขับเคี่ยวกับคลินตันในปี 2016 อย่างไรก็ตามครั้งนี้อาจแตกต่างออกไป เนื่องจากแซนเดอร์สได้รับการสนับสนุนอย่างกว้างขวางในกลุ่มสมาชิกพรรค โดยครั้งนี้เขาถูกยกเป็นตัวเต็งที่น่าจับตามอง คู่คี่สูสีกับ โจ ไบเดน อดีตรองประธานาธิบดีในยุค บารัก โอบามา
ต่อมาเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 20 กุมภาพันธ์ หรือเพียงประมาณ 24 ชั่วโมงหลังจาก เบอร์นี่่ แซนเดอร์ส ประกาศตัวว่าจะขอเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตเพื่อโค่นเก้าอี้ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ข่าวบอกว่าแคมเปญของเขามีผู้ร่วมบริจาคเงินสนับสนุนสูงกว่า 6 ล้านดอลลาร์ จากเดิมที่มีเงินคงค้างอยู่ตั้งแต่ปี 2016 เพียง 225,000 ดอลลาร์ ซึ่งยอดเงินบริจาคดังกล่าว ถือว่ามากที่สุดในบรรดาผู้ที่ประกาศตัวว่าจะลงสมัครเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครต ในสนามเลือกตั้งประธานาธิบดีทั้งหมด
นอกจากนี้ ยอดเงินบริจาคดังกล่าวถือว่ามากกว่าตัวเลขเมื่อปี 2016 หลังจากที่เขาประกาศตัวว่าจะลงสมัครเป็นตัวแทนพรรคด้วย โดยเมื่อปี 2016 นั้น แคมเปญของเขามียอดเงินบริจาคเพียง 1.5 ล้านดอลลาร์ หลังจากเปิดตัว 24 ชั่วโมง โดยมีผู้บริจาคออนไลน์ทั้งหมด 25,000 คน
ก่อนหน้านี้ วุฒิสมาชิก คาเมล่า แฮร์ริส เคยครองตำแหน่งผู้สมัครที่ได้รับเงินสนับสนุนสูงสุดหลังจากประกาศตัว คือมียอดเงินบริจาคเข้าแคมเปญหาเสียงมากถึง 1.5 ล้านดอลลาร์ภายในเวลา 24 ชั่วโมงหลังจากประกาศตัวอย่างเป็นทางการ โดยมีผู้บริจาคทั้งหมด 38,000 ราย
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ของ axios.com มองว่าโอกาสที่วุฒิสมาชิกเบอร์นี่ แซนเดอร์ส จะประสบความสำเร็จในการเลือกตั้งปี 2020 ค่อนข้างเป็นไปได้ยาก เพราะปัญหาเรื่อง “อายุ” ของเขา โดยบอกว่าพลพรรคเดโมแครต ไม่นิยมเลือกผู้นำสูงอายุ เห็นได้จากอายุเฉลี่ยของประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครตทั้งหมด อยู่ที่ 52 ปีเท่านั้น และนับจากปี 1828 หรือเกือบ 200 ปีที่ผ่านมา มีประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครต เพียง 3 คนเท่านั้นที่อยู่ในวัย 60-70 ปี ซึ่งถือว่ามีอายุน้อยกว่า เบอร์นี่ แซนเดอร์ส ขณะนี้ค่อนข้างมาก
ทั้งนี้ หากประสบความสำเร็จทั้งการเลือกตั้งระดับไพรเมอรี่ และระดับประเทศในปี 2020 เบอร์นี แซนเดอร์ส จะเข้าพิธีสาบานตัวรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ขณะอายุ 79 ปี
“แซนเดอร์ส เคยพิสูจน์แล้วเมื่อปี 2016 ว่าคุณไม่จำเป็นต้องเป็นคนหนุ่ม ในการเรียกคะแนนเสียงจากคนหนุ่มสาว แต่ปีนี้สถานการณ์มันไม่เหมือนเดิม มีกลุ่มผู้สมัครหนุ่มสาวหลายคนมาแข่งขันเพื่อแย่งคะแนนเสียงจากผู้โหวต” นักวิเคราะห์ของ axios.com ระบุ.
ถึงแม้ว่า เบอร์นี่ แซนเดอร์ส จะดูเหมือน “จ่าฝูง” ของบรรดาผู้สมัครเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครต ในขณะนี้ก็ตาม แต่นักวิเคราะห์รายนี้มองว่าน่าจะเป็นเพราะประชาชนมี “ความคุ้นเคย” ในชื่อของนักการเมืองคนนี้มากกว่า
“เหตุผลน่าจะมาจากชื่อที่คนคุ้นเคย แต่ แซนเดอร์ส จะเจอปัญหาแบบเดียวกับที่ ฮิลลารี คลินตัน เคยเจอเมื่อปี 2016 คือเขาเป็นภาพแทนของอดีตมากกว่าอนาคต” นักวิเคราะห์ระบุ.