สำนักข่าวเอพี รายงานเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2019 ว่า ลี แบ๊กก้า อดีตหัวหน้าเชอรีฟของลอส แอนเจลิส เคาน์ตี้ วัย 76 ปี อาจจะต้องติดคุกสามปี ตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นในคดีขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเอฟบีไอ ที่เข้ามาสอบสวนพฤติกรรมคอรัปชั่นและการทำร้ายนักโทษในคุกของเคาน์ตี้ หลังจากที่ในวันดังกล่าว คณะผู้พิพากษาสามคนของศาลเซอร์กิตที่ 9 ซึ่งศาลอุทธรณ์ของรัฐบาลกลาง ประกาศไม่รับอุทธรณ์คดีนี้
ลี แบ๊กก้า ซึ่งมีอาการของโรคอัลไซเมอร์ ระยะเริ่มต้น อุทธรณ์ผ่านทนายความของเขาว่าคำตัดสินดังกล่าวสมควรถูกยกเลิก เพราะคณะลูกขุนไม่มีโอกาสได้รับฟังคำให้การเกี่ยวกับอาการอัลไซเมอร์ของเขา รวมถึงไม่มีโอกาสรับรู้ถึงบทสนทนาของเขากับเจ้าหน้าที่เอฟบีไอ ที่เข้ามาสอบสวนคดีคอรัปชั่นในระบบคุกของเคาน์ตี้อีกด้วย ซึ่งข้อมูลทั้งสองอย่างดังกล่าวนั้น ลี แบ๊กก้า เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์กับตัวเขาในการพิจารณาของคณะลูกขุน
ศาลอุทธรณ์ปฏิเสธที่จะรับฟังคดีนี้ โดยให้เหตุผลว่าคำตัดสินของศาลชั้นต้นนั้นยุติธรรม และคำพิพากษาโทษก็เหมาะสมแล้ว
ข่าวบอกว่า ทนายความของ ลี แบ๊กก้า ยังมีทางสู้สุดท้าย นั่นคือการยื่นเรื่องอุทธรณ์อีกครั้งในลักษณะที่เรียกว่า full 9th Circuit court (คณะผู้พิพากษา 11 คน) แต่ขณะนี้ยังไม่แน่ชัดว่าอดีตหัวหน้าเชอรีฟและทนายของเขา จะมีท่าทีอย่างไรต่อไป
ทั้งนี้ การเอาผิดกับหัวหน้าเชอรีฟและเจ้าหน้าที่ระดับสูงในสำนักงานเชอรีฟขอแอลเอ เคาน์ตี้ เกิดขึ้นเมื่อประมาณหกปีก่อน หลังจากที่นักโทษในคุกคนหนึ่งถูกผู้คุมซ้อมอย่างรุนแรง หลังจากที่พบว่าเขาเป็นสายให้กับเอฟบีไอ ที่กำลังสืบสวนคดีคอรัปชั่นในระบบคุกของเคาน์ตี้ และเมื่อ ลี แบ๊กก้า ทราบเรื่อง ก็ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงอีกหลายคนทำการขัดขวาง ไม่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลกลาง จนส่งผลให้เอฟบีไอ เปลี่ยนเป้าหมายมายังหัวหน้าเชอรีฟ และเจ้าหน้าที่ระดับสูง แทน ซึ่งผลการสอบสวนปรากฎหลักฐานและพยานมากเพียงพอที่จะเอาผิดหัวหน้าเชอรีฟได้ โดยเขาถูกพิพากษาว่าผิดจริงตามคำกล่าวหาเมื่อเดือนพฤษภาคม 2017
ลี แบ๊กก้า ได้รับเลือกตั้งให้เป็นหัวหน้าเชอรีฟของแอลเอ เคาน์ตี้ ต่อเนื่องกันนานถึง 15 ปี โดยตำแหน่งของเขานี้ ถือว่าเป็นผู้รักษากฎหมายที่มีกำลังพลในความดูแลมากที่สุดในอเมริกา (ประมาณ 18,000 คน)
โดยระหว่างการพิจารณาคดีนี้นั้น ลี แบ๊กก้า ซึ่งได้รับเลือกตั้งให้เป็นหัวหน้าเชอรีฟของ แอลเอ เคาน์ตี้ ต่อเนื่องกันถึง 15 ปี ได้สารภาพผิด (pleaded guilty) ต่อข้อหาให้การเท็จกับพนักงานสอบสวนของรัฐ หนึ่งกระทงเพื่อแลกกับโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน แต่เขาถอนคำสารภาพในภายหลัง เมื่อทราบว่าผู้พิพากษาเห็นว่าโทษจำคุกเพียงหกเดือนนั้น น้อยเกินไป.