แม้ว่าผู้เสียภาษีในสหรัฐฯ จะมีเวลาจนถึงวันที่ 15 เมษายน 2019 ในการยื่นแบบฟอร์มขอรับคืนภาษี (tax return) สำหรับปี 2018 ก็ตาม แต่ข่าวบอกว่าภายใต้ความอึมครึมทางการเมือง ที่มีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดเหตุการณ์ “กอฟเวอร์เมนท์ ชัตดาวน์” ครั้งที่สองในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ นี้ บรรดาผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับภาษี ได้ออกมาให้ความเห็นว่า สมควรอย่างยิ่งที่ผู้เสียภาษีจะต้องรีบยื่นเรื่องภายในสัปดาห์นี้ อีกทั้งสมควรใช้บริการของ “มืออาชีพ” ในการยื่นแบบฟอร์ม เพราะมีการเปลี่ยนแปลงของกฎหมาย ทั้งนี้เพื่อเลี่ยงปัญหาที่อาจจะทำให้ได้รับคืนภาษีล่าช้าอีกไป
ทั้งนี้ วิกฤติ “กอฟเวอร์เมนท์ ชัตดาวน์” ครั้งที่สองในสมัยของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2018 และลากยาวมาจนถึงวันที่ 25 มกราคม 2019 หรือ 35 วันจึงยุติลง หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และคองเกรส ผ่านกฎหมายงบประมาณชั่วคราว เพื่อให้หน่วยงานรัฐบาลสามารถทำงานต่อได้เป็นเวลาสามสัปดาห์ คือจนถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2019 เพื่อให้เวลาตัวเองในการหาทางออกของปัญหางบประมาณ แต่จากท่าทีของทั้งสองฝ่ายในช่วงที่ผ่านมา บรรดาผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายลงความเหมือนๆ กันว่า โอกาสที่จะเกิด “ชัตดาวน์” ในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ มีความเป็นไปได้สูงมาก
ซีบีเอส รายงานข่าวว่า แม้ว่าสำนักงานสรรพากรสหรัฐฯ หรือ ไออาร์เอส จะเปิดทำการมาตั้งแต่วันที่ 25 มกราคม แต่ก็ยังมีจดหมาย “หลายล้านฉบับ” รอการเปิดเพื่อดำเนินการต่อไป ดังนั้นหากเกิดเหตุการณ์ชัตดาวน์อีกครั้ง ย่อมส่งผลให้ระยะเวลาในการดำเนินเรื่องคืนภาษีให้กับประชาชนล่าช้าออกไปอย่างแน่นอน
ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีจาก Manville and Schell ในมิชิแกน บอกกับ ซีบีเอสว่า แม้ฤดูภาษีจะเพิ่งเริ่มต้นเมื่อวันที่ 28 มกราคมที่ผ่านมา แต่ ไออาร์เอส ก็มีงานทำจนล้นมือแล้ว ดังนั้น “เวลา” จึงเป็นเรื่องสำคัญ
“หากเกิดชัตดาวน์อีกครั้ง รับรองได้ว่าการพิจารณาคืนภาษาของคุณจะต้องล่าช้าออกไปนานเลย” ผู้เชี่ยวชาญกล่าว
ผู้เชี่ยวชาญรายนี้กล่าวด้วยว่า โดยปกติ ไออาร์เอส จะใช้เวลาในการดำเนินการคืนภาษีให้กับประชาชน ประมาณ 3-4 สัปดาห์ แต่การชัตดาวน์ครั้งก่อนหน้านี้ ส่งผลให้ ไออาร์เอส คืนเงินภาษีมูลค่าประมาณสองพันล้านดอลลาร์ ล่าช้าประมาณ 1-2 สัปดาห์
แอสลีย์ โฮล์ม ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีแห่ง Y’s Solutions Taxes ในเทนเนสซี่ กล่าวว่า ไออาร์เอส ยืนยันแล้วว่า ไม่ว่าจะเกิดวิกฤติชัตดาวน์หรือไม่ การพิจารณาคืนภาษีให้กับประชาชนก็จะดำเนินไปตามปกติ และว่าปีนี้ ทางไออาร์เอส เชื่อว่าจะมีการยื่นขอคืนภาษีด้วยระบบออนไลน์ไม่ต่ำกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งจะทำให้กระบวนการพิจารณาเป็นไปอย่างรวดเร็วมากขึ้น
กระนั้นก็ดี ผู้เชี่ยวชาญภาษีรายนี้กล่าวว่า หากเกิดวิกฤติชัตดาวน์อีกครั้ง จำนวนเจ้าหน้าที่ และชั่วโมงทำงานที่ลดลง ย่อมส่งผลกระทบกับการทำงานของ ไออาร์เอส ไม่มากก็น้อย อีกทั้งปีนี้ ยังมีความเปลี่ยนแปลงของกฎหมายภาษีบางประการ เช่นไม่สามารถนำค่าใช้จ่ายส่วนตัว (Personal exemptions) มาหักลดหย่อนภาษีได้อีกต่อไป แต่การลดหย่อนปกติ สามารถหักได้มากขึ้นทั้งสำหรับคนโสดและคนที่แต่งงานแล้ว รวมถึงอัตราการหักลดหย่อนสำหรับลูกที่มีอายุต่ำกว่า 17 ปี ก็สูงกว่าปีที่ผ่านมาด้วย ดังนั้นเพื่อให้เกิดความรวดเร็ว และมีความผิดพลาดน้อยที่สุด ควรใช้บริการของนักบัญชีอาชีพ.