อเมริกาและแคลิฟอร์เนีย
โพลาร์วอร์เท็กซ์ออกฤทธิ์ ’ชิคาโก้’หนาวกว่าขั้วโลก





แอลเอ (สยามทาวน์ยูเอส) : ชาวอเมริกันในรัฐตอนกลางของประเทศ เผชิญสภาพอากาศหนาวจัด รวมถึงชิคาโก้ ที่หนาวกว่าขั้วโลกใต้ ด้าน “ทรัมป์” ฉวยโอกาสอวดความเขลา เรียกหา “โลกร้อน” มาแก้ไขปัญหาทันที

สำนักงานอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติสหรัฐ (เอ็นดับเบิลยูเอส) ออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 29 มกราคม ที่ผ่านมาว่า เนื่องจากปรากฏการณ์ "โพลาร์วอร์เท็กซ์" หรือลมวนขั้วโลก ทำให้มวลอากาศเย็นจากขั้วโลกเหนือเคลื่อนตัวลงมาตอนใต้มากกว่าปกติ หลายพื้นที่โดยเฉพาะบริเวณเขตมิดเวสต์หรือตอนกลางของประเทศ อุณหภูมิอาจลดลงถึง -53 องศาเซลเซียส

เอ็นดับเบิลยูเอสคาดว่า ตั้งแต่วันอังคารถึงวันพฤหัสบดีที่ 31 มกราคม ประชากรอย่างน้อย 55 ล้านคนในหลายรัฐ ตั้งแต่รัฐดาโคตาไปจนถึงรัฐโอไฮโอ ต้องเผชิญกับอากาศหนาวที่ต่ำกว่าศูนย์องศาเซลเซียส  ส่วนนครชิคาโกนั้นอาจมีอากาศหนาวกว่าทวีปแอนตาร์กติกาหรือขั้วโลกใต้ คือต่ำกว่า -27 องศาในตอนเช้าของวันพฤหัสฯ หลังจากที่ในช่วงกลางวันของวันพุธ อุณหภูมิอยู่ที่ -17 องศา
    
พยากรณ์อากาศระบุด้วยว่า ในวันพุธ สภาพอากาศในเขตมิดเวสต์ของสหรัฐจะมีอุณหภูมิอยู่ระหว่าง -10 ถึง - 40 องศา  และเนื่องจากมีลมพัดแรงทำให้รู้สึกเหมือนยะเยือกกว่านั้น

คำเตือนนี้ทำให้รัฐอิลลินอยส์, มิชิแกน และวิสคอนซิน ประกาศใช้มาตรการฉุกเฉินเพื่อรับมือกับอากาศหนาวจัด ส่วนเจ้าหน้าที่อุตุนิยมวิทยารัฐไอโอวาประกาศเตือนผู้ต้องออกมาอยู่กลางแจ้ง ให้หลีกเลี่ยงการหายใจแรงและให้พูดน้อยที่สุด เอ็นดับเบิลยูเอสเตือนด้วย สภาพอากาศหนาวจัดเช่นนี้การอยู่กลางแจ้งเพียง 10 นาทีก็อาจโดนหิมะกัดได้.

ปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อยสมคน รายแรกเป็นชายวัย 55 ปี เสียชีวิตขณะโกยหิมะหน้าโรงรถของบ้านพักในเมืองมิลวอกกี้ เมื่อวันอังคารที่ 29 มกราคม โดยสาเหตุการเสียชีวิตยังอยู่ระหว่างรอผลการชันสูตร อีกรายเสียชีวิตเมื่อวันอาทิตย์ที่ 27 มกราคม เป็นชาวเมืองโรเชสเตอร์ รัฐมินนิโซต้า เสียชีวิตบริเวณข้างบ้าน และรายสุดท้าย คือ เอลิ อัลเฟร็ด กอมโบ้ วัย 22 ปี จากเมืองโรเชสเตอร์เช่นกัน ซึ่งข่าวบอกว่าเขาทำกุญแจบ้านหาย จึงเข้าบ้านไม่ได้ในช่วงเช้ามืดของวันอาทิตย์ ซึ่งเป็นช่วงที่อุณหภูมิลดลงต่ำกว่าศูนย์แบบฮวบฮาบ แต่สาเหตุการเสียชีวิตอย่างเป็นทางการยังอยู่ระหว่างรอผลการชันสูตรศพเช่นกัน

นอกจากนี้ สภาพอากาศที่หนาวจัดดังกล่าวนี้ ยังทำให้ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ถูกตำหนิอย่างรุนแรงจากทุกฝ่าย เพราะแสดงความโง่เขลา เรียกร้องหา “สภาวะโลกร้อน” ให้เข้ามาแก้ไขปัญหา

“แถบมิดเวสต์อันสวยงาม อุณหภูมิพายุลมหนาวกำลังจะลดแตะ -60 องศาเซลเซียส หนาวสุดเท่าที่เคยมีบันทึกมา ในอีกไม่กี่วันข้างหน้าคาดว่าจะเย็นมากขึ้นอีก ประชาชนไม่สามารถอยู่ข้างนอกนานๆได้ “มันเกิดอะไรขึ้นกับภาวะโลกร้อน  ได้โปรดกลับมาไวๆ เราต้องการคุณ”  ประธานาธิบดีทรัมป์ ระบุผ่านทวิตเตอร์
 
ความไม่เข้าใจเรื่องภาวะโลกร้อน และความต่างของคำว่าอากาศกับสภาพภูมิอากาศ (weather กับ  climate) ทำให้เว็บไซต์ Dictionary.com เลือกคำว่า global warming มาทวิตอธิบายว่า หมายถึงอุณภูมิในชั้นบรรยากาศโลกเพิ่มสูงขึ้น เป็นเหตุให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ

ส่วนสำนักงานสมุทรศาสตร์และบรรยกาศแห่งสหรัฐ (โนอา) ที่ใช้รูปการ์ตูนง่ายๆ สำหรับเด็กมาโพสต์ให้ผู้นำสหรัฐฯ ดู โดยบอกว่า “พายุฤดูหนาวไม่ใช่สิ่งพิสูจน์ว่าภาวะโลกร้อนไม่ได้เกิดขึ้น” พร้อมมีลิงค์ไปยังบทความให้สถิติพายุและสภาพอากาศหนาวจัด ที่คาดการณ์กันมานานว่าจะเกิดบ่อยครั้งขึ้น เพราะสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง  

นอกจากนี้ ยังมีผู้ใช้ทวิตเตอร์ แนะนำหนังสือ “ความรู้เรื่องวิทยาศาสตร์” สำหรับคนไม่ฉลาด (ดัมมี่) ให้ประธานาธิบดีทรัมป์อ่านด้วย  
 
ข่าวบอกว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ประธานาธิบดีทรัมป์ทวิตแสดงความกังขาเรื่องโลกร้อน โดยเมื่อเดือนธันวาคม 2018 ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีทรัมป์ เคยทวิตว่า “โลกร้อนไม่มีอยู่จริง และหากมีจริงก็น่าจะช่วยรับมือความหนาวได้”.


 




นำเสนอข่าวโดย : ภาณุพล รักแต่งาม,
แหล่งที่มาข่าวโดย : สยามทาวน์ยูเอส

แสดงความคิดเห็น

Name :

Detail :




ฉบับที่
597
siamtownus newspaper








Hots Clip VDO ดูทั้งหมด

ขออภัยสัญญาณ VDO มีปัญหากำลังดำเนินการแก้ไข