เมื่อค่ำวันที่ 16 มกราคม 2019 นายกเทศมนตรีของนครลอส แอนเจลิส อีริค การ์เซ็ตติ ได้แถลงว่าความขัดแย้งจนถึงขั้นรวมตัวนัดหยุดงานของบรรดาครูในสังกัดของเขตการศึกษาลอส แอนเจลิส ที่เริ่มต้นมาตั้งแต่วันจันทร์ที่ 14 มกราคม กำลังจะสิ้นสุดลง เพราะทั้งสองฝ่าย คือตัวแทนของสหภาพแรงงานครู และผู้บริหารของเขตการศึกษาลอส แอนเจลิส ยอมที่จะ “พูดคุยกัน” อีกครั้งในช่วงเย็นของวันพฤหัสฯ ที่ 17 มกราคม หรือหลังจากที่มีการหยุดงานประท้วงมาสามวัน
โดยนายกเทศมนตรี ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นคนกลางในการเจรจา กล่าวอย่างมีความหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะสามารถตกลงกันได้ และทำให้เหตุการณ์วุ่นวายที่เกิดขึ้น กลับเข้าสู่ปกติในต้นสัปดาห์หน้า
อย่างไรก็ตาม อเล็กซ์ คาพูโต-เพิร์ล ผู้นำสหภาพแรงงานครู (UTLA) ได้ประกาศว่าบรรดาครู ผู้ปกครอง รวมถึงนักเรียนที่เข้าร่วมในการประท้วงครั้งนี้ จะยังคงปักหลักชุมนุมในดาวน์ทาวน์ต่อไปในวันพฤหัสฯ ส่วนในวันศุกร์ จะมีการเดินขบวนในสวนสาธารณะแกรนด์ปาร์ค ข้างๆ ซิตี้ฮอลล์ เพื่อแสดงพลังสนับสนุนตัวแทนของสหภาพ ที่กำลังประชุมร่วมกับผู้บริหารเขตการศึกษาในอาคารซิตี้ฮอลล์ โดยคาดว่าการเจรจาน่าจะกินเวลาตลอดช่วงสุดสัปดาห์
การกระท้วงครั้งใหญ่ของบรรดาครูในสังกัดเขตการศึกษาลอส แอนเจลิส ซึ่งใหญ่เป็นอันดับสองของอเมริกา มีจำนวนครูมากกว่าสามหมื่นคน และมีนักเรียนมากกว่าหกแสนคน ที่เกิดขึ้นนี้ ถือว่าเป็นการนัดหยุดงานประท้วงครั้งแรกของรอบ 30 ปี โดยสาเหตุหลักที่สหภาพแรงงานครูใช้เป็นข้ออ้างในการนัดหยุดงานครั้งนี้ คือการเรียกร้องสิทธิขั้นพื้นฐานทางการศึกษาให้นักเรียนและขึ้นค่าแรงครู
กลุ่มผู้ประท้วงอ้างว่าปัจจุบันนี้ จำนวนครูไม่สมดุลกับจำนวนนักเรียน กล่าวคือมีนักเรียนมากกว่า 40 คนต่อหนึ่งชั้นเรียน ดังนั้นจึงขอเรียกร้องให้มีการจ้างครูเพิ่มอีกหลายร้อยคน รวมถีงครูแนะแนว และพยาบาลประจำโรงเรียนด้วย ทั้งนี้เพื่อให้สวัสดิภาพของเด็กและครู รวมถึงคุณภาพของการศึกษาของนักเรียนในลอส แอนเจลิส ดีขึ้นกว่าที่ผ่านมาด้วย.