นางศรีวงศ์ อาญาสิทธิ ประธานบอร์ดองค์กรไทยนิวเยียร์ สงกรานต์เฟสติวัล ให้สัมภาษณ์สยามทาวน์ยูเอส ว่าคณะกรรมการจัดงานไทยนิวเยียร์เดย์ สงกรานต์เฟสติวัล ครั้งที่ 14 ประจำปี 2019 ได้เริ่มประชุมเตรียมงานกันแล้ว โดยครั้งล่าสุดได้ประชุมกันเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ทราบว่าการเตรียมงานปีนี้ มีความคืบหน้าไปมากแล้ว
“อย่างแรกคือชื่องาน กำหนดว่า Taste of Thailand ซึ่งจะมีกิจกรรมต่างๆ ที่สอดคล้องกับชื่องาน ส่วนธีมสีของงานจะเป็นสีเหลือง เพื่อเทอดพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งจะมีการรณรงค์กันต่อไปว่าขอให้ผู้มาร่วมงานช่วยกันแต่งชุดไทย จะเป็นชุดไทยสวยๆ หรือแต่งง่ายๆ อย่างคาดผ้าข้าวมามาก็ได้ แต่ขอให้มีสีเหลือง” นางศรีวงศ์ กล่าว
ในส่วนของเงินทุนสำหรับการจัดงาน ซึ่งแต่ละปีจะต้องใช้ไม่ต่ำกว่าสองแสนดอลลาร์นั้น ประธานบอร์ดขององค์กรไทยนิวเยียร์ฯ กล่าวว่ายังอยู่ระหว่างการติดต่อกับสปอนเซอร์ต่างๆ เช่นสิงห์ นอร์ธ อเมริกา ที่ได้ตอบตกลงแล้วว่าจะสนับสนุนงานไทยนิวเยียร์ฯ ต่อเนื่องไปอีกสามปี แต่ยังไม่ได้พูดคุยในรายละเอียด แต่ตนเชื่อว่าทุกอย่างจะผ่านพ้นไปด้วยดี เหมือนเช่นปีที่ผ่านๆ มา
“ที่น่าดีใจคือว่าปีนี้ ทางซิตี้ (ลอส แอนเจลิส) โดยสำนักงานส่งเสริมวัฒนธรรม ได้ให้เงินเรามา 12,250 ดอลลาร์ สำหรับสนับสนุนกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมทั้งหมด ดังนั้นวัดวาอาราม ที่ส่งการแสดงมาร่วมในงาน มาเดินพาเหรดวัฒนธรรม เราก็จะมีค่าใช้จ่ายให้บ้างในปีนี้ แล้วก็จะเอามาทำเวทีวัฒนธรรมให้ยิ่งใหญ่เหมือนกับเวทีหลัก ไม่ใช่เวทีเล็กๆ ที่เทศบาลให้มาเหมือนปีก่อนๆ ใครที่ขึ้นไปแสดงจะได้ภูมิใจ”
รายได้อีกทาง ที่คณะกรรมการนำมาใช้จ่ายในการจัดงานไทยนิวเยียร์เดย์ สงกรานต์เฟสติวัล คือการจำหน่ายรัฟเฟิล หรือฉลากชิงโชค ซึ่งปีนี้นางศรีวงศ์บอกว่าจะมีอีกเช่นกัน
“ปีนี้เรามีรัฟเฟิล ราคา 5 ดอลลาร์ รางวัลใหญ่เป็นสร้อยคอจี้เพชร ครึ่งกะรัต ราคาประมาณ 2,500 ดอลลาร์ รางวัลที่สองกับสามเป็นสร้อยทองคำ ทำเป็นรูปชื่องานไทยนิวเยียร์ ตอนนี้กำลังพิมพ์กันอยู่ จะได้รีบเอาออกขาย เพื่อเป็นรายได้เพิ่มเติมเข้ามา ซึ่งรางวัลพวกนี้ คุณเคธี่ เอกสมบูรณ์ เป็นคนสนับสนุนให้เรามา ก็ขอขอบคุณคุณเคธี่ด้วย”
ในส่วนของการประกวดมิสไทยนิวเยียร์ยูเอสเอ ซึ่งถือเป็นไฮไลต์ของงานไทยนิวเยียร์เดย์ฯ ทุกปีนั้น นางศรีวงศ์ อาญาสิทธิ บอกว่าในปีนี้ จะเพิ่มการประกวด มิสเตอร์ไทยนิวเยียร์ยูเอสเอ เสริมเข้าไปด้วย เพื่อเป็นการสร้างสีสันของงาน
“สนุกๆ ค่ะ ใส่แค่สองชุด ชุดไทยฟรีสไตล์กับชุดสากล อาศัยช่วงเบรกของการประกวดมิสไทยนิวเยียร์ฯ คนดูจะได้ไม่เบื่อกัน ถ้าใครสนใจก็ติดต่อกับคุณจอย กิริยา หิรัญพลกุล ได้เลยค่ะ”
นอกจากนี้ นางศรีวงศ์ อาญาสิทธิ ยังได้บอกถึงว่าปีนี้ มีความพยายามจะนำตระกร้อลอดห่วง ซึ่งเป็นกีฬาพื้นบ้านของไทยมาแสดงให้ชาวต่างชาติได้ชมกันด้วย
“พยายามติดต่อตระกร้อลอดห่วงกันอยู่ค่ะ ติดต่อไปหลายทาง ติดต่อ ททท. ติดต่อทางสถานกงสุลฯ แต่ยังไม่ทราบว่าจะได้จากไหน ถ้ามีใครเล่นได้ในอเมริกาก็ดี แต่ถ้าไม่มีก็คงต้องเอามาจากเมืองไทย”
ในส่วนของการสาธิตการปรุงอาหารไทย ซึ่งปีที่ผ่านมาได้รับความสนับสนุนจากสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ลอส แอนเจลิส หรือไทยเทรด แอลเอ นำเอาเชฟจากร้านที่ได้รับตราไทยซีเล็ก มาสาธิตการปรุงอาหารในงานนั้น ประธานบอร์ดไทยนิวเยียร์ฯ กล่าวว่ากำลังอยู่ระหว่างการประสานงานกับ ผ.อ.ไทยเทรด เชื่อว่าคงจะทราบผลในเร็ววันนี้
“แต่ที่แน่ๆ ปีนี้เราได้รับการติดต่อจาก อ.วันดี ณ สงขลา จากโรงเรียนครัววันดี เจ้าของฉายา “ตำราอาหารมีชีวิต” มาร่วมสาธิตอาหารในงานด้วย โดยเราจะจัดกิจกรรมให้ท่านก่อนถึงวันงานประมาณหนึ่งอาทิตย์ คือจะเปิดคลาส สำหรับร้านอาหาร หรือใครที่สนใจ ถือว่าเป็นข่าวดี เพราะอาจารย์วันดี มีชื่อเสียงมาก และไม่เคยมาสอนในอเมริกา แต่ไปทางฝั่งยุโรปบ่อยมาก”
ส่วนรายชื่อของศิลปินจากประเทศไทยที่จะเดินทางมาร่วมแสดงในงานไทยนิวเยียร์ฯ ครั้งที่ 14 นั้น นางศรีวงศ์ บอกว่ามีการติดต่อทาบทามเอาไว้หลายคน แต่ยังไม่เป็นที่แน่นอน ตนจึงไม่อยากจะเปิดเผยในตอนนี้ ยกเว้นเพียงคนเดียวที่มาแน่ๆ คือ พีท พล นพวิชัย เจ้าของเพลง ‘ออเจ้าเอย’ ที่จะกลับมาอีกครั้งหลังจากที่เคยมาร่วมงานเมื่อปี 2018 และสนุกสนานกับกิจกรรมใหญ่ของชาวไทยในแอลเอ เป็นอย่างมาก โดยบอกว่าปีนี้จะมาร่วมปิดบูธ ในงานด้วย
ทั้งนี้ ศิลปินที่จะเดินทางมาร่วมงานไทยนิวเยียร์เดย์ฯ ในลอส แอนเจลิส ปีนี้นั้น นางศรีวงศ์ กล่าวว่าเป็นศิลปินที่เสียสละทำงานเพื่อประเทศชาติ เพราะนอกจากจะไม่รับค่าตัวแล้ว ยังต้องรับผิดชอบค่าเดินทางเองอีกด้วย โดยทางคณะกรรมการจัดงานฯ จะดูแลเรื่องที่พักและอาหารในช่วงที่อยู่ในงาน ประมาณ 1-2 วันเท่านั้น
และประเด็นสุดท้ายที่นางศรีวงศ์ อาญาสิทธิ์ พูดถึง คือการจับจองบูธจำหน่ายอาหาร และสินค้าในงาน ซึ่งเปิดให้จองทางเว็บไซต์ www.Thainewyear.org มาระยะหนึ่งแล้ว โดยขณะนี้ยังมีบูธอาหารและสินค้าเหลืออีกไม่มากนัก ส่วนบูธน้ำดื่ม ซึ่งมีอยู่ 7 บูธนั้น มีผู้จับจองจนเต็มแล้ว
“ปีที่แล้ว มีคนบ่นว่าบูธอาหารน้อยมาก แต่ละร้าน คิวยาว ปีนี้ก็เลยคุยกันว่าจะเพิ่มขึ้นมาอีก ให้ได้สัก 25-30 บูธ แล้วก็จะมีรถทรัคขายอาหาร อยู่แถวๆ เวทีมวยเพิ่มขึ้นมาด้วย ปีที่แล้วมีคันเดียว ปีนี้จะมีสี่คัน” นางศรีวงศ์ อาญาสิทธิ กล่าว
ในส่วนของราคาค่าเช่าบูธนั้น หากเป็นบูธจำหน่ายอาหารที่มีการปรุง หรือปิ้งย่าง จะมีราคา 1,119 ดอลลาร์ แยกเป็นค่าเช่าบูธ 785 ดอลลาร์ ค่าใบอนุญาตของหน่วยงานสาธารณสุข (health permit) 184 ดอลลาร์ และค่าทำความสะอาด 150 ดอลลาร์ ส่วนบูธสินค้า (ที่ไม่ใช่อาหารแห้ง) ราคา 275 ดอลลาร์ โดยจะต้องจ่ายมัดจำค่าทำความสะอาด 50 ดอลลาร์ ซึ่งจะได้คืนหลังงานเลิก (หากมีการเก็บกวาดพื้นที่ในบูธของตัวเองจนเรียบร้อย)
นอกจากนี้ ยังมีการบูธจำหน่ายอาหารแห้งอีกสองชนิด คือบูธจำหน่ายอาหารแห้งที่ไม่เปิดให้ลูกค้าชิม (767 ดอลลาร์) และบูธอาหารแห้งที่มีการเปิดให้ลูกค้าชิม (801 ดอลลาร์) โดยสามารถดูรายละเอียด และจองบูธได้ทางเว็บไซต์ www.thainewyear.org โดยจะเปิดให้จับจองจนถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ หรือจนกว่าบูธจะหมดเท่านั้น.