บรรยากาศการพบปะชุมชนไทยผ่านพ้นไปอย่างราบรื่น ทั้งนี้เพราะกงสุลใหญ่ฯ คนนี้เป็นที่คุ้นเคยของพวกเราชาวไทยในเมืองแอลเอ พอสมควร ด้วยว่าเคยดำรงตำแหน่ง “รองกงสุลใหญ่ฯ” มาก่อนแล้วในปี 2011-2014 ในสมัยของกงสุลใหญ่ฯ ดำรง ใคร่ครวญ คาบเกี่ยวกับสมัยของกงสุลใหญ่ฯ เจษฎา กตเวทิน
โอกาสนี้ สยามทาวน์ยูเอส ได้รับเกียรติจากกงสุลใหญ่ฯ มังกร ประทุมแก้ว ให้สัมภาษณ์แบบ “วันออนวัน” มาฝากคุณผู้อ่านด้วย..
ประเด็นแรก คุยกันถึงการรับมอบงานจากอดีตกงสุลใหญ่ฯ ธานี แสงรัตน์ ที่ได้รับพระ มหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต ณ กรุงฮานอย ซึ่งกงสุลใหญ่ฯ มังกร กล่าวว่ามีโอกาสได้พบปะพูดคุยกับท่านทูตธานี ระหว่างที่เดินทางไปร่วมประชุมทูตและกงสุลใหญ่ฯ ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออก ที่กระทรวงการต่างประเทศ ก่อนจะเดินทางมารับตำแหน่งไม่นาน
“ท่านถ่ายทอดให้ฟังเกี่ยวกับภารกิจและงานการต่างๆ ที่ท่านได้ทำเอาไว้ ก็เป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากๆ และท่านให้รายละเอียดเกี่ยวกับงานที่ยังจะต้องดำเนินการต่อ ที่จะทำให้งานที่สืบเนื่องมาจากท่านกงสุลใหญ่ฯ คนก่อนๆ รวมถึงท่านธานี ด้วยได้รับการดำเนินการต่อเนื่องต่อไป”
โดยงานที่ได้รับการฝากฝังจากท่านทูตธานี นั้น กงสุลใหญ่ฯ มังกร บอกว่ารวมถึง “สภาไทยทาวน์” และ “สมาคมนวดไทยและสปาแห่งสหรัฐอเมริกา” ด้วย
“เรื่องการยกองค์กรเหล่านี้ให้มีกฎบัตรกฎหมายรองรับนี่ เป็นไอเดียที่มีการริเริ่มและดำเนินการมาโดยตลอดนะครับ นอกจากท่านธานีแล้ว ผมได้มีโอกาสคุยกับท่านรองปลัดฯ ดำรง (ใคร่ครวญ) อดีตกงสุลใหญ่ฯ ซึ่งผมเคยเป็นรองกงสุลใหญ่ฯ ให้กับท่าน ท่านก็พูดถึงการมี by-law ขององค์กรเหล่านี้เหมือนกัน ก็เห็นด้วยกับท่านทั้งหลายว่าการมีกฎบัตรกฎหมายรองรับนี่ เป็นจุดเริ่มต้น เป็นการวางรากฐานให้กับองค์กรเหล่านั้น ซึ่งผมคิดว่าการที่จะมีเงื่อนไขทางกฎหมายให้กับองค์กรเหล่านี้เพื่อที่จะได้พัฒนาต่อไป มันเป็นความจำเป็นครับ”
สืบเนื่องจากกงสุลใหญ่ฯ มังกร ประทุมแก้ว เป็นข้าราชการของกระทรวงการต่างประเทศคนแรก ที่เดินทางกลับมาดำรงตำแหน่งกงสุลใหญ่ฯ หลังจากที่เคยเป็นรองกงสุลใหญ่ฯ มาก่อน จึงถามท่านถึง “ข้อดี” ของเรื่องนี้
“ก็มีส่วนช่วยครับ และในขณะเดียวกันก็เป็นความท้าทายด้วย ส่วนช่วยอย่างแรกคือผมคุ้นเคยกับพี่ๆ น้องๆ ในชุมชนไทยในแอลเอ และในเขตอาณา แต่ทำนองเดียวกันผมเชื่อว่าพวกพี่ๆ น้องๆ ก็คงจะมองมาทางผมด้วยความคาดหมายระดับหนึ่งเหมือนกัน แต่ผมคิดว่าเป็นแรงกระตุ้นที่ดี ที่จะทำให้ผม keep up to the job ให้ดีที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้”
และในเมื่ออดีตกงสุลใหญ่ฯ ธานี แสงรัตน์ ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในกงสุลใหญ่ที่ “ประสบความสำเร็จ” ในหน้าที่อย่างสูง วัดได้จากความรักความเคารพที่ชุมชนไทยมอบให้ จึงอดถามกงสุลใหญ่ฯ คนใหม่ไม่ได้ได้ว่า รู้สึกกดดันหรือไม่ อย่างไร ที่จะต้องมาสานงานต่อ
“เรื่องการทำงานมันมีความท้าทายในมิติต่างๆ อยู่แล้วนะครับ การที่ท่านธานี ท่านทำงาน วางรากฐานต่างๆ ไว้ มันก็เป็นความท้าทายและก็เป็นพื้นฐานที่ดี ถ้าผมสามารถที่จะสานต่อจากพื้นฐานต่างๆ ที่ท่านวางเอาไว้ได้ และสามารถริเริ่มอะไรต่อยอดจากตรงนั้น”
และหนึ่งในประเด็นที่มีการซักถามจากบรรดาผู้นำชุมชนระหว่างการพบปะกับกงสุลใหญ่ฯ มังกร ประทุมแก้ว ก็คือการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร เพราะที่ผ่านมายังไม่มีความชัดเจนอะไรมากนัก ซึ่งประเด็นนี้ กงสุลใหญ่ฯ มังกร กล่าวว่าในเบื้องต้นนี้ สามารถแจ้งให้ทราบได้สองประเด็น
“อย่างแรกก็คือเรื่องของการลงทะเบียนขอใช้สิทธ์ิเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร ตามที่ได้เรียนไปแล้วว่าในการเลือกตั้งที่จะมีตามรัฐธรรมนูญฉบับนี้ จะต้องลงทะเบียนเลือกตั้งใหม่หมด ฉะนั้นจึงต้องเรียนประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องที่เคยมีชื่อในบัญชีอยู่แล้ว อย่านิ่งนอนใจ เพราะบัญชีนั้นจะถูกล้างไป จะต้องลงทะเบียนใหม่ นอกเหนือจากนี้ก็คงจะเป็นเรื่องของบัตรเลือกตั้ง จะมีรูปแบบที่แตกต่างจากครั้งที่ผ่านๆ มา แต่ข้อมูลนอกเหนือจากนี้ ทางสถานกงสุลใหญ่ฯ จะประชาสัมพันธ์ให้ทราบเป็นระยะครับ”
ถามว่า ท่ามกลางความไม่แน่นอนนี้ กังวลหรือไม่ว่าเมื่อมีการกำหนดวันเลือกตั้งที่แน่นอนแล้ว ทางสถานกงสุลใหญ่ฯ ซึ่งต้องดูแลคนไทยในพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลถึง 13 รัฐ จะมีเวลาไม่พอสำหรับดำเนินการจัดเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร
กงสุลใหญ่ฯ มังกร ซึ่งเคยเป็นกำลังสำคัญของสถานกงสุลใหญ่ ณ นครลอส แอนเจลิส จัดการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรมาแล้วถึงสองครั้ง คือในปี 2011 และ 2014 (ซึ่งถูก ก.ก.ต.ประกาศให้เป็นโมฆะในภายหลัง) มองว่าเป็นเรื่องที่สถานกงสุลใหญ่ฯ สามารถทำได้
“เราก็มีการเตรียมความพร้อมเอาไว้พอสมควรเหมือนกัน และอาศัยว่าสมัยนี้เป็นยุคของดิจิตอล ผมเชื่อว่าการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร หรือการที่เราจะเข้าถึงกลุ่มประชากรเป้าหมาย สามารถทำได้มากขึ้น พอช่วยให้เรามีเวลาในการทำงานมากขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับการทำงานประชาสัมพันธ์แบบสมัยก่อน ส่วนเรื่องการลงทะเบียน ก็มีเรื่องการลงทะเบียนทางอินเตอร์เน็ตเข้ามาเป็นตัวช่วยอีกทางหนึ่ง ทีนี้ก็คงขึ้นอยู่กับทางการประชาสัมพันธ์ว่าจะทั่วถึงหรือทำให้ผู้ลงทะเบียนมีความมั่นอกมั่นใจหรือเข้าไปใช้ระบบได้มากที่สุดเท่าไหร่”
ถาม “ปิดท้าย” ว่าการที่เคยดำรงตำแหน่งรองกงสุลใหญ่ฯ ซึ่งเปรียบได้กับเป็น “แม่บ้าน” ของสถานกงสุลใหญ่ฯ มาก่อนถึงสี่ปี มองว่ากำลังงบประมาณ และกำลังเจ้าหน้าที่ ที่สถานกงสุลใหญ่ฯ มีอยู่ เพียงพอหรือไม่กับการทำงานที่ต้องรับผืดชอบพื้นที่กว้างขวางถึง 13 รัฐทางฝั่งตะวันตก ซึ่งเป็นภูมิภาคมีคนไทยอาศัยอยู่มากที่สุดของอเมริกาแบบนี้
“เรื่องคน เรื่องงาน เรื่องเงินนี่ มันเป็นสิ่งที่ทุกคนประสงค์อยากจะได้เพิ่มอยู่แล้วครับ ในความเป็นจริงไม่ว่าหน่วยงานราชการหรือเอกชนก็ตาม มีความท้ายเกี่ยวกับเรื่องการบริหารจัดการในทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดนี้ ผมยอมรับและอย่างที่รับทราบกันว่าขอบข่ายงานทางด้านการต่างประเทศ งานทางด้านกงสุล งานบริการประชาชนในต่างประเทศมันเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ตามลำดับ เราคงไม่สามารถขอคนเพิ่มหรืองบประมาณเพิ่มได้ทันท่วงที เพราะเมืองไทยก็มีข้อจำกัดในส่วนนี้เหมือนกัน เราก็คงต้องมองหาวิธีหรือกลไกในการทำงานช่องทางอื่น มิติอื่น ว่าทำอย่างไรให้งานของเราไม่ลดหย่อนประสิทธิภาพลงไป หรือสามารถตอบสนองความต้องการของชุมชนไทย หรือตอบสนองนโยบายของรัฐบาลได้ไปพร้อมๆ กันครับ”
และในโอกาสที่เดินทางมาปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งกงสุลใหญ่ฯ คนใหม่ เราจึงให้ท่านพูดกับพวกเราชาวไทยในเขตอาณาของท่านด้วย
“ในโอกาสนี้ก็ถือโอกาสสวัสดีปีใหม่กับพี่น้องประชาชนไทยที่อยู่ในเขตความดูแลรับผิดชอบของสถานกงสุลใหญ่ ณ นครลอส แอนเจลิส นะครับ ปีนี้ก็เป็นปีมหามงคลของไทยอีกครั้ง ที่จะมีงานของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ชุมชนไทยในต่างประเทศจะได้ร่วมกับคนไทยในประเทศไทยถวายความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อีกครั้งหนึ่งครับ”