โดยส่วนหนึ่งของกฎหมายที่เริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันอังคารที่ 1 มกราคม 2019 นั้น มีเนื้อหาสาระที่มองได้ว่า “คัดง้าง” กับนโยบายบริหารประเทศของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ อย่างเห็นได้ชัด เช่นการผ่อนปรนโทษในคดีอาญา, เขัมงวดการซื้อและครอบครองปืน, ให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ, ลดการลำเอียงและเลือกปฏิบัติทางเพศ และการคุกคามทางเพศ
และต่อไปนี้คือ “บางส่วน” ของกฎหมายรัฐแคลิฟอร์เนีย ที่เริ่มมีผลตั้งแต่วันปีใหม่ที่ผ่านมา
ความยุติธรรมทางอาญา (Criminal Justice)
กฎหมายใหม่ห้ามไม่ให้พิจารณาโทษของผู้เยาว์ (ต่ำกว่า 16 ปี) ในฐานะผู้ใหญ่ รวมถึงคดีฆาตกรรมด้วย และกันเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปีออกจากกระบวนการพิจารณาคดีอาญา เว้นแต่ว่าเด็กคนนั้นจะถูกตั้งข้อหาอาญาร้ายแรง เช่นฆาตกรรมหรือข่มขืน
กฎหมายใหม่อีกฉบับ อนุญาตให้ผู้ต้องหาจำนวนมาก มีสิทธิ์ร้องศาลขอให้คดีเป็นโมฆะ หากพวกเขาสามารถพิสูจน์ได้ว่า ปัญหาทางสมอง หรือ mental illness คือสาเหตุของการก่อคดีอาญา
อีกฉบับเจาะจงในกรณีมีเหตุตำรวจยิงคนผิวดำโดยเฉพาะ โดยสาระของกฎหมายบอกว่า ระบุบยุติธรรมจะต้องอนุญาตให้สาธารณชนเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจคนนั้นได้ ซึ่งเรื่องนี้ ข่าวว่าสหภาพแรงงานตำรวจกำลังฟ้องร้องเพื่อขออำนาจศาลให้ระงับยับยั้งกฎหมายฉบับนี้อยู่
ผู้ต้องหาคดีเมาเหล้าขับรถที่ทำผิดซ้ำแล้วซ้ำอีก รวมถึงคนเมาขับรถครั้งแรก แต่ก่ออุบัติเหตุถึงขั้นมีคนได้รับบาดเจ็บ จะต้องติดตั้งอุปกรณ์ที่เรียกว่า ignition interlock ที่รถยนต์ โดยอุปกรณ์ดังกล่าวจะทำให้รถยนต์สตาร์ทไม่ผิด หากคนขับดื่มอัลกอฮอล์มา
ปืน
เหตุการณ์สังหารหมู่ที่เกิดขึ้นหลายต่อหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา ทำให้บรรดานักการเมืองของแคลิฟอร์เนีย จับมือกันเสนอกฎหมายควบคุมการซื้อและครอบครองอาวุธปืนที่เข้มงวดขึ้น (กว่าเดิม) เช่น
ผู้ที่เคยต้องโทษในคดีรุนแรงในครอบครัว (domestic violence) แม้จะเป็นคดีลหุโทษก็ตาม จะหมดสิทธิ์ครอบครองอาวุธปืนตลอดชีวิต หรือใครที่อายุยังไม่ถึง 21 ปีก็ไม่มีสิทธิ์ซื้อปืนไรเฟิล และลูกซอง (shotgun) เว้นเสียแต่คนผู้นั้นจะเป็นผู้รักษากฎหมาย เป็นทหาร หรือมีใบอนุญาตล่าสัตว์
ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพจิต ถึงขั้นต้องเข้าโรงพยาบาลมากกว่าหนึ่งครั้งต่อปี ไม่มีสิทธิ์ซื้อหรือครอบครองปืนตลอดชีวิต
นอกจากนี้ มีกฎหมายเกี่ยวกับอาวุธปืนอีกหลายฉบับที่มีผลบังคับใช้ไปก่อนหน้านี้แล้ว เช่นการแบนอุปกรณ์เสริมที่เรียกว่า bump stock ซึ่งจะช่วยให้ปืนกึ่งอัตโนมัติ สามารถยิงรัวได้แบบปืนกล, การเรียกร้องให้ผู้ยื่นขอใบอนุญาตพกปืน (concealed carry spplicant) ต้องผ่านการ “เทรน” เรื่องการใช้ปืนเป็นเวลาอย่างน้อยแปดชั่วโมง และให้อำนาจผู้รักษากฎหมายยึดกระสุนและแม็กกาซีนปืนจากบ้านที่มีปัญหารุนแรงภายในครอบครัวได้ เป็นต้น
ไฟป่า
ปีที่ผ่านมา เจอร์รี่ บราวน์ ผ่านกฎหมายมากมายที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการป้องกันไม่ให้เกิดไฟป่า ซึ่งถือว่าเป็น “หายนะประจำปี” ของรัฐแคลิฟอร์เนีย อาทิเช่นกฎหมายที่เอื้อให้เจ้าหน้าที่สามารถตัดต้นไม้ได้ง่ายขึ้น, อำนวยความสะดวกในการสร้างแนวป้องกันไฟ (firebreaks) ซึ่งอาจจะต้องขุดดิน หรือถากถางโค่นล้มต้นไม้เป็นแนวยาว ซึ่งต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก, รวมถึงทำการเผาป่าสร้างแนวกันไฟ แบบที่เรียกว่า controlled burns ซึ่งเป็นเทคนิคการควบคุมไฟของเจ้าหน้าที่ดับเพลิงได้ง่ายขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีกฎหมายที่บังคับให้บริษัทไฟฟ้า ทำการปรับปรุงอุปกรณ์ต่างๆ เช่นหมอแปลง และอื่นๆ ที่อาจจะระเบิด ช็อต และเป็นสาเหตุของการเกิดไฟป่า ให้ดีขึ้น, ควบคุมธุรกิจประกันภัยไม่ให้ฉวยโอกาสหรือบิดพริ้วกับลูกค้าหลังได้รับความเสียหายจากไฟป่า
ความเสมอภาคทางเพศ และการคุกคามทางเพศ
ปีนี้ รัฐแคลิฟอร์เนียได้กลายเป็นรัฐแรกของอเมริกาที่บังคับให้บริษัทจำกัด (มหาชน) ต้องมีผู้หญิง อยู่ในคณะกรรมการอำนวยการ (boards of director) อย่างน้อยหนึ่งคน และเพิ่มเป็นสองคน (ขึ้นไป) ในปี 2021
จากความแรงของกระแส #MeToo ทำให้รัฐแคลิฟอร์เนียผ่านกฎหมายห้ามไม่ให้มีการยอมความแบบไม่เปิดเผย (secret settlements) ในคดีคุกคามทางเพศ ลวนลาม หรือเหยียดผิว ทั้งในองค์กรธุรกิจ และหน่วยงานของรัฐ นอกจากนี้ยังห้ามไม่ให้ธุรกิจบังคับให้พนักงานเซ็นหนังสือยินยอม (liability releases) เพื่อแลกกับโบนัส หรือไม่ถูกเลิกจ้าง ด้วย
นอกจากนี้ รัฐแคลิฟอร์เนีย ยังอนุญาตให้ทุกคนเลือกที่ที่จะไม่ระบุเพศของตัวเองบนใบขับขี่ได้ หากคิดว่าตัวเองไม่ใช่ทั้งหญิงและชาย ก็สามารถเลือก nonbinary ซึ่งจะมีตัวอักษร X บนใบขับขี่แทน M หรือ F
ความเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
บริษัทที่ให้บริการกระแสไฟฟ้าในแคลิฟอร์เนีย จะต้องผลิตไฟฟ้าไม่ต่ำกว่า 60 เปอร์เซ็นต์จากลม แสงแดด และแหล่งพลังงานสะอาดอื่นๆ ภายในปี 2030 โดยรัฐแคลิฟอร์เนีย วางเป้าหมายว่าจะเลิกใช้เชื้อเพลิงจากฟอสซิล เช่น ถ่านหิน, น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ ในการผลิตไฟฟ้าอย่างสิ้นเชิงให้ได้ภายในปี 2045
ซึ่งท่าทีของรัฐแคลิฟอร์เนีย ต่อปัญหาสภาพแวดล้อมที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศดังกล่าวนี้ ถือว่าสวนทางอย่างสิ้นเชิงกับท่าทีของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ประกาศว่าสภาวะโลกร้อน เป็นเพียงเรื่องลวงโลก ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อยับยั้งความเจริญทางเศรษฐกิจของอเมริกา และนำพาประเทศอเมริกาถอนตัวจากความตกลงปารีส (Paris Agreement) ว่าด้วยการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อลดปัญหาสภาวะเรือนกระจก และสภาวะโลกร้อนอีกด้วย
นอกจากนี้ยังมีกฎหมายสนับสนุนการศึกษาวิจัยเรื่อง “การลดผลกระทบจากปัญหาความเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ”, กระตุ้นให้มีการใช้ก๊าซชีวภาพมากขึ้น และกฎหมายที่ออกมาเพื่อสานต่อแนวคิดของรัฐบาลบารัก โอบาม่า เรื่องการควบคุมสารไฮโดรฟลูโรคาร์บอน (Hydroflurocarbons-HFCs) ที่ใช้ในตู้เย็นและเครื่องปรับอากาศ รวมถึงสเปรย์ต่างๆ อันเป็นต้นตอของการก่อภาวะโลกร้อน ไม่ให้ถูกเขี่ยทิ้งในรัฐบาลของประธานาธิบดีทรัมป์ ด้วย
นอกจากนี้ยังมีกฎหมายอื่นๆ เช่นห้ามไม่ให้รัฐบาลของประธานาธิบดีทรัมป์ ขยายการขุดเจาะน้ำมันมายังชายฝั่งรัฐแคลิฟอร์เนีย โดยการขวางเต็มที่ไม่ให้มีการวางท่อน้ำมัน และก่อสร้างใดๆ ในน่านน้ำของรัฐแคลิฟอร์เนีย
กฎหมายอื่นๆ
-ร้านอาหารแบบฟูลเซอร์วิส (dine-in) จะให้หลอดดูดพลาสติกกับลูกค้าได้ก็ต่อเมื่อได้รับร้องขอจากลูกค้าเท่านั้น
-ร้านอาหารที่โฆษณาว่ามี “เมนูอาหารสำหรับเด็ก” จะต้องระบุว่ามีน้ำ และนมจืด (ไม่ปรุงรส) อยู่ในเมนูของเด็กให้เห็นชัดเจนด้วย แต่เด็กๆ จะสั่งเครื่องดื่มอะไรก็ได้ หากผู้ปกครองยินยอม
-ค่าแรงขั้นต่ำในรัฐแคลิฟอร์เนีย ขยับเป็นชั่วโมงละ 12 ดอลลาร์ สำหรับองค์กรธุรกิจที่มีพนักงานตั้งแต่ 26 คนขึ้นไป ส่วนธุรกิจขนาดเล็กจะต้องจ่ายค่าแรงในอัตรา 11 ดอลลาร์ต่อชั่วโมง เป็นการขยับค่าแรงครั้งที่สองนับจากปี 2016 เพื่อให้ค่าแรงขั้นต่ำในแคลิฟอร์เนียอยู่ที่ชั่วโมงละ 15 ดอลลาร์ภายในปี 2022
-ส่วนกฎหมายคุ้มครองความเสมอภาคทางเน็ต (net neutrality) เพื่อให้ทุกองค์กร ไม่ว่าองค์กรใหญ่ อย่าง Netflix, Youtube ฯลฯ หรือองค์กรเล็กๆ สามารถให้บริการข้อมูลอิเล็กโทรนิกส์ด้วยความเร็วอินเตอร์เน็ตเสมอกันนั้น ยังไม่สามารถบังคับใช้ได้ในวันที่ 1 มกราคม 2019 เพราะอยู่ระหว่างการฟ้องร้องในชั้นศาลของรัฐบาลกลาง.
กฎหมายใหม่ที่ได้รับการลงนามโดย เจอร์รี่ บราวน์ ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย วัย 80 ปีคนนี้ นอกจากจะทำให้รัฐแคลิฟอร์เนีย “ปลอดภัย” จากการบริหารประเทศแบบ “เด็กดื้อ” ของโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ระยะหนึ่งแล้ว เชื่อว่ายังจะทำให้เขากลายเป็นผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียที่มีคนรักมากที่สุด เทียบเคียงโรนัลด์ เรแกน ของรีพับริกัน ได้เลยทีเดียว..