เมื่อวันอังคารที่ 11 ธันวาคม 2018 สภาเมืองลอส แอนเจลิส มีมติไม่เป็นเอกฉันท์ให้เพิ่มขีดจำกัดความเร็ว (speed limits) ตามท้องถนนทั่วเมืองแอลเอ รวมระยะทางกว่า 100 ไมล์ ทั้งนี้เพื่อแก้ไขปัญหาที่เป็นอุปสรรคขัดขวางไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจ่ายใบสั่งได้ และทำให้เทศบาลเมืองแอลเอ ขาดรายได้มหาศาลต่อเนื่องมาหลายปี โดยถนนหนทางที่มีการเพิ่มขีดจำกัดความเร็วนั้น เคยถูกควบคุมความเร็วไว้ระหว่าง 15 ไมล์ต่อชั่วโมง จนถึง 55 ไมล์ต่อชั่วโมง โดยส่วนใหญ่แล้วจะเพิ่มความเร็วประมาณ 5 ไมล์ต่อชั่วโมง
ข่าวบอกว่าการเพิ่มขีดจำกัดความเร็วดังกล่าว ถือเป็นทางออกเพียงทางเดียวของเมืองลอส แอนเจลิส ในการที่จะทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถใช้เครื่องตรวจวัดความเร็ว สำหรับตรวจจับผู้ขับรถเร็ว และจ่ายใบสั่ง ซึ่งถือว่าเป็นรายได้สำคัญของเทศบาล ทั้งนี้เพราะกฎหมายของรัฐแคลิฟอร์เนีย ระบุว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจะสามารถใช้อุปกรณ์ตรวจวัดความเร็ว ได้เฉพาะถนนที่มีการกำหนดความเร็วสอดคล้องกับความลื่นไหลของการจราจรจริงๆ (speed limits that reflect the natural flow of traffic) เท่านั้น หากกำหนดความเร็วน้อยไป หรือมีการบังคับใช้ขีดจำกัดความเร็วมานานกว่า 7 ปี เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถใช้อุปกรณ์ดังกล่าวได้
ข่าวบอกว่า กฎหมายของรัฐแคลิฟอร์เนียที่มีการประกาศใช้เมื่อกว่าสิบปีที่ผ่านมานี้ ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ตำรวจของเมืองลอส แอนเจลิส จ่ายใบสั่งปรับลดลงถึง 70 เปอร์เซ็นต์ในช่วงระหว่างปี 2010-2017 และว่ากฎหมายดังกล่าว ทำให้เจ้าหน้าทรีตำรวจไม่สามารถบังคับใช้กฎหมายจำกัดความเร็วในถนนหลายเส้นที่ถือว่าเป็นถนนอันตรายของคนเดินถนนและคนปั่นจักรยานได้
โดยมติของสภาเมืองแอลเอ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมานี้ ถือว่าเป็นความพยายามรอบสองในการเพิ่มขีดจำกัดความเร็วให้สอดคล้องกับกฎหมายของรัฐ หลังจากเมื่อปีที่ผ่านมา ได้มีการเพิ่มขีดความจำกัดความเร็วบนถนนหลายช่วงในย่านซาน เฟอร์นานโด้ แวลเลย์ รวมระยะทางเกือบ 200 ไมล์ ไปแล้ว โดยเชื่อว่าเมื่อรวมกับถนนหนทางที่เพิ่งมีการอนุมัติให้เพิ่มความเร็วเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา จะส่งผลให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สามารถบังคับใช้กฎหมายจราจรได้ถึง 97.5 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่
อย่างไรก็ตาม นอกจากการเพิ่มขีดจำกัดความเร็วในถนนเส้นต่างๆ แล้ว สภาเมืองยังมีมติให้ลดความเร็วจำกัดลงในถนนบางช่วง รวมระยะทาง 11.5 ไมล์ ที่เห็นว่าการจราจรเคลื่อนตัวช้ากว่าความเร็วที่จำกัดเอาไว้ด้วย เช่น Alvarado Street ระหว่าง Hoover Street และ the 101 Freeway และ Figueroa Street ระหว่าง ยูเอสซีกับดาวน์ทาวน์
ข่าวบอกด้วยว่า การเพิ่มขีดจำกัดความเร็วบนท้องถนนดังกล่าว แม้จะมีเสียงต่อต้านจากหลายฝ่าย ที่กังวลเรื่องความปลอดภัย ทั้งของคนเดินถนน รถจักรยาน รวมถึงอุบัติเหตุระหว่างรถยนต์ด้วยกัน แต่ฝ่ายที่สนับสนุน รวมถึง แอลเอพีดี แย้งว่าการเพิ่มขีดจำกัดความเร็ว ไม่มีผลให้ผู้ใช้รถอยากจะขับเร็วขึ้น เพราะโดปกติแล้ว คนขับรถส่วนใหญ่จะขับตามความเร็วของการจราจร มากกว่าจะสนใจมองป้ายจำกัดความเร็ว
ทั้งนี้ ขีดจำกัดความเร็วใหม่ของถนนหลายสายทั่วเมืองแอลเอ จะต้องผ่านการลงนามเห็นชอบโดยนายกเทศมนตรี นายอีริค การ์เซ็ตติ เสียก่อน จึงจะมีผลบังคับใช้ ซึ่งเชื่อว่าน่าจะกินเวลาอีกประมาณหนึ่งเดือน จากนั้นจึงเป็นหน้าที่ของสำนักงานขนส่งมวลชนของเทศบาลเมืองแอลเอ ในการเปลี่ยนป้ายจำกัดความเร็วมากกว่า 450 ป้าย ซึ่งน่าจะต้องใช้เวลาอีกประมาณ 2-3 เดือนจึงจะแล้วเสร็จ.
ตรวจสอบรายชื่อและขีดจำกัดความเร็วของถนนหนทางในเมืองแอลเอ ตามข่าวนี้ได้ที่
http://clkrep.lacity.org/onlinedocs/2017/17-1183_ord_draft_11-26-2018.pdf