นายไมเคิล โคเฮน อดีตทนายความของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ถูกศาลพิพากษาจำคุกเป็นเวลา 3 ปีเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2018  หลังจากที่เขาได้รับสารภาพผิดในคดีต่างๆ ซึ่งรวมถึงการละเมิดกฎหมายควบคุมการใช้จ่ายในช่วงหาเสียง, การฉ้อโกงเงิน, การหลีกเลี่ยงภาษี และการให้การเท็จต่อสภาคองเกรส

"ผมขอรับผิดชอบต่อการกระทำทุกอย่างที่ผมได้สารภาพผิด ซึ่งเป็นความผิดของผมเอง หรือที่เกี่ยวข้องกับท่านประธานาธิบดีสหรัฐ" นายโคเฮนกล่าวต่อศาล

"ความภักดีที่มืดบอดต่อประธานาธิบดีทรัมป์ ได้นำผมไปสู่ทางแห่งความมืด แทนที่จะเป็นความสว่าง และความภักดีนี้ ทำให้ผมพยายามปิดบังการกระทำผิดของท่านประธานาธิบดี" เขากล่าว

นอกจากโทษจำคุกที่นายโคเฮนจะเริ่มรับโทษในวันที่ 6 มีนาคม ศกหน้าแล้ว เขายังถูกสั่งปรับเป็นเงิน 50,000 ดอลลาร์ในความผิดฐานให้การเท็จต่อสภาคองเกรสด้วย

ก่อนหน้านั้นหนึ่งวัน ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ให้สัมภาษณ์ที่ห้องงานรูปไข่ในทำเนียบขาวว่าเขาไม่กลัวถูกถอดถอน (impeachment) ออกจากตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ

“มันยากที่จะถอดถอนใครสักคนที่ไม่ได้กระทำความผิด แถมยังเป็นคนที่ทำให้เศรษฐกิจอเมริกันแข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ของชาติด้วย” และว่า “ผมไม่กังวล ไม่เลย ผมเชื่อว่าประชาชนจะลุกฮือต่อต้านถ้ามันเกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้น”

ทั้งนี้เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา อัยการนิวยอร์ค ได้กล่าวหาว่าประธานาธิบดีทรัมป์ เป็นผู้สั่งให้อดีตทนายส่วนตัว ไมเคิล โคเฮน จ่ายเงินเป็นตัวเลข 6 หลักให้แก่ สตอร์มมี แดเนียลส์ อดีตดาราหนังผู้ใหญ่ และ คาเรน แมคดูกัล นางแบบนิตยสารเพลย์บอย เพื่อปิดปากพวกเธอไม่ให้ออกมาแฉสัมพันธ์สวาทกับ ทรัมป์ ก่อนจะถึงศึกเลือกตั้งผู้นำสหรัฐฯ เมื่อปี 2016 ซึ่งอัยการชี้ว่า การจ่ายเงินในลักษณะนี้เข้าข่ายละเมิดกฎหมายระดมทุนหาเสียงซึ่งกำหนดให้ต้องเปิดเผยทรัพย์สินมีค่าใดๆ ก็ตามที่มอบให้แก่ทีมหาเสียงโดยมุ่งหวังผลต่อการเลือกตั้ง และจำกัดวงเงินบริจาคไม่เกิน 2,700 ดอลลาร์ต่อคน

ซึ่งพรรคเดโมแครตก็ออกมารับลูกทันควันว่า ความผิดฐานละเมิดกฎหมายหาเสียงอาจใช้เป็นเหตุยื่นฟ้องถอดถอนประธานาธิบดีออกจากตำแหน่งได้ ในขณะที่ผู้นำสภาคองเกรสบางคนยังตั้งคำถามว่า เรื่องนี้เป็นความผิดอาญาร้ายแรงพอที่จะเริ่มกระบวนการ impeachment ได้จริงหรือไม่

เกี่ยวกับเรื่องนี้ ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า โคเฮน ซึ่งเป็นทนายความควรที่จะรู้ข้อกฎหมายดีกว่าใครๆ

“ไมเคิล โคเฮน เป็นทนาย ผมก็นึกว่าเขาคงรู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่” ทรัมป์ กล่าว

ในประเด็นกที่เขาจ่ายเงินให้กับดาราหนังสำหรับผู้ใหญ่เพื่อเป็นการปิดปากนั้น ทรัมป์ยืนยันว่าไม่ใช่พฤติกรรมที่ผิดกฎหมายแต่อย่างใด

“ประการแรก มันไม่ใช่เงินที่บริจาคให้ทีมหาเสียง ต่อให้ใช่มันก็เป็นเรื่องทางแพ่ง และแม้มันจะเป็นแค่เรื่องทางแพ่ง แต่สิ่งที่เราทำก็ไม่ได้ละเมิดกฎหมายอยู่ดี โอเคไหม?” ทรัมป์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถาม ทรัมป์ เกี่ยวกับข้อกล่าวหาของอัยการที่ว่ามีทีมงานของเขาหลายคนเคยพบปะหรือทำธุรกิจร่วมกับชาวรัสเซีย ทั้งก่อนและระหว่างหาเสียงในปี 2016 ซึ่งผู้นำสหรัฐฯ ตอบว่า “สิ่งที่คุณพูดมาทั้งหมดไม่ได้มีอะไรสลักสำคัญเลย”  แถมยังพาดพิงไปถึง ฮิลลารี คลินตัน และบิล คลินตัน ด้วยว่า เขาได้ยินมาว่าทั้งสองสามีภรรยาก็มีการนำเงินที่ได้รับบริจาคมาใช้จ่าย เหตุใดจึงไม่มีใครไปถามบ้าง

ทรัมป์ ยืนยันว่าพร้อมที่จะทำงานร่วมกับพรรคเดโมแครตในสภาคองเกรส แต่ความร่วมมือคงเกิดขึ้นไม่ได้หากฝ่ายเดโมแครตยังไม่หยุดไล่บี้เอาผิดตน

ทั้งนี้ การถอดถอนประธานาธิบดี สามารถทำได้หากได้รับเสียงสนับสนุนจากรัฐสภา ซึ่งสภาล่าง หรือสภาผู้แทนราษฎรนั้น พรรคเดโมแครตกำลังจะเข้าคุมในเดือนมกราคม ปีหน้า แต่สำหรับวุฒิสภา หรือสภาสูง น่าจะมีปัญหา เพราะ ซึ่งพรรครีพับลิกันยังครองเสียงข้างมากอยู่.