ศูนย์วิจัย พิว รีเสิร์ช เซ็นเตอร์ แถลงผลวิจัยจำนวนผู้อพยพที่อยู่ในอเมริกาแบบไม่ถูกต้องฉบับล่าสุดเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2018 โดยบอกว่ามีจำนวนผู้อพยพกลุ่มนี้เพียงแค่ 10.7 ล้านคนในปี 2016 จากที่เคยมีจำนวน 11 ล้านคนในปีก่อนหน้านั้น และลดจากจำนวน 12.2 ล้านคนในปี 2007 ซึ่งเป็นปีที่มีปริมาณผู้อพยพกลุ่มนี้สูงสุด ก่อนที่สหรัฐฯ จะประสบปัญหาเศรษฐกิจครั้งใหญ่

ผลการวิจัยระบุด้วยว่า ตัวเลขผู้อยู่อย่างผิดกฎหมายล่าสุด ถือว่าต่ำสุดนับจากปี 2004 เป็นต้นมา

โดยสาเหตุหลักที่ทำให้ตัวเลขชาวต่างชาติที่อยู่อย่างผิดกฎหมายลดลงแบบเห็นได้ชัดนั้น ผลวิจัยบอกว่าเป็นเพราะมีจำนวนผู้อพยพจากทุกชาติเดินทางเข้าประเทศอเมริกาน้อยลง ขณะที่มีการเดินทางกลับหรือถูกส่งกลับ (เนรเทศ) มากขึ้น โดยชาวแม็กซิกันที่อาศัยอยู่ในอเมริกาแบบผิดกฎหมายลดจำนวนลงมากที่สุด คือเหลือเพียง 5.5 ล้านคนในปี 2016 จากจำนวนเกือบ 7 ล้านคนในปี 2007

และในช่วงเวลาเดียวกันนี้ ปริมาณผู้อพยพจากอเมริกากลางที่ไม่มีเอกสารครบถ้วนกลับเพิ่มขึ้นเป็น 1.9 ล้านคน จากเดิม 1.5 ล้านคน

ผลการวิจัยฉบับนี้ ถูกนำเสนอในช่วงที่รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังเอาจริงกับการจับกุมผู้อยู่แบบผิดกฎหมาย และเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ตามแนวชายแดนทางตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นจุดที่ผู้อพยพจากอเมริกากลาง จำนวนหลายพันคน อุ้มลูกจูงหลานเดินทางมาหวังจะขอลี้ภัยเข้าประเทศอเมริกา

ผลวิจัย ซึ่งใช้ข้อมูลหลักจากสำนักงานสำรวจประชากรแห่งชาติ ฉบับนี้ บอกด้วยว่าจำนวนผู้อยู่แบบผิดกฎหมายเพิ่มมากขึ้นในกลุ่มผู้อพยพจากอินเดียและเวเนซูเอล่า แต่ลดลงในกลุ่มผู้อพยพจากบกราซิล, โคลัมเบีย, เอกวาดอร์, เกาหลี และเปรู

ผลวิจัยฉบับนี้บอกด้วยว่า ปริมาณของชาวต่างชาติที่อยู่ในอเมริกาอย่างถูกต้อง เพิ่มขึ้นเป็น 34.4 ล้านคน จาก 28.3 ล้านคนในระยะเก้าปี โดยกว่าครึ่งได้รับสัญชาติเป็นอเมริกันเรียบร้อยแล้วภายในปี 2016.