สืบเนื่องจากข่าวเหตุการณ์แย่งชิงทรัพย์คนไทย ระหว่างมาร่วมงานกฐินพระราชทานและลอยกระทง ณ วัดไทย ลอส แอนเจลิส เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน ที่ผ่านมานั้น สยามทาวน์ยูเอส ได้รับการเปิดเผยจากนายคีธ ฉัตรประภาชัย เจ้าหน้าเชอรีฟกองหนุนคนไทย ซึ่งได้ช่วยเหลือเหยื่อในการติดต่อแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเจ้าของพื้นที่ ว่าผู้เสียหายรายนี้ เป็นสตรีไทยวัย 73 ปี เดินทางมาจากฮาวาย
“เหยื่อเดินอยู่บริเวณด้านนอกของวัด เพราะสามีกำลังเอารถไปวนหาที่จอด อยู่ดีๆ ก็มีผู้หญิงแม็กซิกัน อายุประมาณ 25-30 ปี รูปร่างท้วมๆ เข้ามาตีสนิทด้วย โดยทำทีว่าจะเอาสร้อยทองเส้นใหญ่มาอวด เอามาลองทาบ ลองสวมให้ แล้วถอดสร้อยทองหนังสองบาทของเหยื่อติดมือไปโดยที่ไม่รู้ตัว แถมเกือบโดนเอากำไลทองฝังเพชรไปด้วย แต่บังเอิญป้าคนนี้แกได้สติเสียก่อน ก็เลยมีการแย่งกัน” นายคีธ ฉัตรประภาชัย เล่า และว่าคนร้ายได้วิ่งหนีไปขึ้นรถ เอสยูวี สีขาว ที่จอดรออยู่พร้อมคนขับ และขับรถหนีไป
นายคีธ ฉัตรประชาภัย บอกด้วยว่าคดีลักษณะแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยมาก ดังนั้นตนจึงอยากให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของวัดไทยฯ เดินสำรวจตรวจตรารอบๆ วัด เวลามีงานบุญด้วย
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบของสยามทาวน์ยูเอส พบว่าพฤติกรรมของร้ายลักษณะนี้ มีปรากฎเป็นข่าวอยู่บ่อยๆ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกคดีแบบนี้ว่า Distraction Theft คือหลอกล่อให้เหยื่อสับสน ก่อนลงมือปลดทรัพย์ เช่นคดีที่เกิดขึ้นที่เมืองลินดา วิสต้า ของซานดิเอโก้ เคาน์ตี้ ในช่วงเวลาใกล้เคียงกับคดีที่วัดไทย แอลเอ โดยข่าวบอกว่าคนร้ายได้เลือกลงมือกับชายเอเชียวัย 71 ปี ขณะเดินทางไปทำบุญที่วัดลาวพุทธราม เป็นเหตุให้เขาต้องเสียเครื่องประดับที่มีคุณค่าทางใจอย่างมาก
โดย สตีฟ ภักดี บุตรชายของเหยื่อเล่าให้ผู้สื่อข่าว เอบีซี 10 ของซานดิเอโก้ ฟังว่าเหตุเกิดระหว่างที่พ่อกำลังเดินไปวัด ก็มีรถเชฟวี่ ทาโฮ่ สีขาว ขับมาจอดเทียบ และทักทายตีสนิท โดยในรถมีทารกนอนอยู่ในคาร์ซีท ด้วย
“คนที่เป็นสามีบอกว่า ‘วันนี้เป็นวันเกิดภรรยาผม คุณช่วยอวยพรเธอหน่อยได้ไหม’
สตีฟ ภักดี เล่าต่อว่าเมื่อพ่อของเขาตอบรับและกล่าวอวยพรให้กับคนที่อ้างตัวว่าเป็นภรรยา ซึ่งอยู่ในวัยประมาณ 30 ปีแล้ว ทั้งสองคนได้ลงจากรถเอสยูวี เพื่อแสดงความขอบคุณ โดยฝ่ายภรรยาได้โอบกอด ขณะที่ฝ่ายสามี ได้นำแหวนและสร้อยออกมา ทำทีจะมอบให้
‘เขาบอกว่ามีเครื่องประดับจะให้ หรือจะเอามาอวด’ สตีฟ ภักดี เล่า และว่าคนร้ายทั้งสองคนได้สวมแหวน ลงมือมือของพ่อ คาดสร้อยข้อมือและสวมสร้อยคอให้ โดยลงมือพร้อมๆ กันจนพ่อของเขาสับสน และเมื่อพยายามจะขอจ่ายเงิน คนร้ายทั้งสองก็ปฏิเสธ และรีบขึ้นรถขับหนีไป ก่อนที่พ่อของเขาจะทันรู้สึกตัวว่า สร้อยข้อมือทองคำฝังเพชร สลักนามสกุล ภักดี ซึ่งเป็นของขวัญครบรอบแต่งงานจากภรรยา ได้หายไปแล้ว
ตำรวจของซานดิเอโก้ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวของ เอบีซี 10 ว่ามีเหยื่อในคดีแบบนี้จำนวนมากในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา (ซึ่งเป็นช่วงที่วัดต่างๆ จัดงานกฐิน) โดยเหยื่อส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุชาวเอเชีย จะให้การคล้ายๆ กัน
“ผมโกรธมาก พวกมันจะย้ายไปเรื่อยๆ จากชุมชนหนึ่งไปยังอีกชุมชนหนึ่ง มันน่ารังเกียจมาก กับการหากินกับคนแก่ที่ช่วยตัวเองไม่ได้แบบนี้” สตีฟ ภักดี กล่าวในที่สุด
เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายคีธ ฉัตรประภาชัย ได้ให้คำแนะนำชาวไทย ที่ถือเป็นกลุ่มเป้าหมายของคนร้ายในคดีแบบนี้ด้วย
“คงต้องระวังตัวให้มากขึ้นนะครับ พยายามอย่าเดินคนเดียว หรืออย่าใส่สร้อยใส่กำไลให้มันสะสุดตาคนร้าย เวลาใครโดดลงมาจากรถ จะมาขายของ ให้สงสัยไว้ก่อนเลยครับว่าเป็นโจร พวกกระเป๋าแบรนด์เนม ก็เลิกถือเลย เพราะพวกโจรมันจะแย่งเหมือนกัน” เจ้าหน้าที่เชอรีฟสำรองให้คำแนะนำ รวมถึงบอกว่าในกรณีเกิดเหตุขึ้นกับตัวเอง ให้พยายามตั้งสติและจำรูปพรรณสันฐานคนร้าย ทะเบียนรถยนต์ แล้วรีบโทรศัพท์แจ้งเหตุกับ 911 ทันที.