ตระเวนแอลเอ
ตระเวนแอลเอ 418











.

ไอซ์ยังตะลุยจับโรบินฮูด

แอลเอไทมส์ รายงานข่าวเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ที่ผ่านมาว่า ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ของสำนักงานอิมมิเกรชั่น (ไอซ์) ได้ออกปฏิบัติการจับกุมผู้ต้องหาที่อยู่ในอเมริกาอย่างผิดกฎหมายในหลายรัฐ มีตัวเลขถูกจับกุมมากมาย เช่น 84 รายในซานดิเอโก้ เคาน์ตี้,  150 คนในลอส แอนเจลิส, 98 คนในเท็กซัสและโอคลาโฮม่า, 150 คนในมิชิแกน และโอโฮโอ้ และ 83 คนในวิสคอนซิน

ข่าวบอกว่าแม้จะมีการออกปฏิบัติการในหลายรัฐ แต่ไอซ์ยืนยันว่าไม่ใช่ปฏิบัติการเดียวกัน และไม่มีการประสานงานกันระหว่างสำนักงานในแต่ละรัฐ

เกรกอรี่ อาร์ชามบิลท์ ผอ.หน่วยไอซ์ของซานดิเอโก้ บอกว่าการจับกุมผู้ต้องหาครั้งล่าสุด เป็นการบุกจับกุมแบบเจาะจงเฉพาะผู้มีหมายจับ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้อยู่แบบผิดกฎหมายซึ่งผู้กระทำผิดในคดีอาญา และถูกตัดสินว่ามีความผิดจริง แต่เมื่อพ้นโทษก็ได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสระโดยที่ผู้รักษากฎหมายท้องที่ไม่แจ้งให้กับหน่วยงานอิมมิเกรชั่นทราบ

ข่าวบอกว่าผู้อยู่อย่างผิดกฎหมายที่ถูกจับกุมครั้งล่าสุดนี้ ส่วนใหญ่มาจากแม็กซิโก ที่เหลือเป็นชาวบราซิล, จีน, เอลซาวาดอร์, กัวเตมาลา, ฮอนดูรัส, เวียดนาม, อิสราเอล และเยเมน เป็นผู้มีคดีอาญาร้ายแรงสามคน หนึ่งในนั้นเป็นผู้ต้องหาคดียาเสพติด พยายามฆ่า และขับรถขณะมึนเมา ซึ่งเคยถูกเนรเทศแล้วสี่ครั้ง

อย่างไรก็ตาม ผอ.หน่วยไอซ์ของซานดิเอโก้ ยอมรับว่า มีบรรดาผู้ถูกจักบุมที่ซานดิเอโก้นั้น มีผู้อยู่อย่างผิดกฎหมายสองรายที่ไม่ใช่เป้าหมาย แต่ถูกจับกุมเพราะอยู่ในสถานที่เดียวกับผู้ต้องหา.



พบโรคติดเชื้อจากยุง ที่หายไปนานถึง 21 ปี

แอลเอไทมส์ รายงานข่าวเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม โดยอ้างคำแถลงของสำนักงานสาธารณสุขของลอส แอนเจลิส เคาน์ตี้ ว่ามีการตรวจพบโรคร้ายที่เรียกว่า “ไข้สมองอักเสบเซ็นตหลุยส์” หรือ St. Louis encephalitis ในผู้หญิงสูงอายุคนหนึ่งซึ่งอาศัยอยู่ในย่านซานเฟอร์นานโด้ แวลเลย์ โดยโรคติดเชื้อที่มียุงเป็นพาหะชนิดนี้ ไม่ปรากฏให้เห็นในแอลเอ เคาน์ตี้ นับจากปี 1997 เป็นต้นมา

ข่าวบอกว่า ไข้สมองอังเสบเซ็นต์หลุยส์ เป็นโรคที่พบได้น้อย คือมีผู้ป่วยทั่วประเทศเพียงแค่หกรายในปี 2017 แต่ถือเป็นโรคที่อันตราย โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุ เพราะอาจทำให้ผู้ติดเชื้อมีอาการสมองบวมโต เป็นอัมพาต หากรักษาไม่ทันท่วงทีก็มีอันตรายถึงชีวิตได้

เฉพาะในรัฐแคลิฟอร์เนีย ข่าวบอกว่าเคยมีผู้ป่วยโรคนี้เพียงห้าคนนับจากปี 2008 ถึง 2017 โดยผู้ป่วยรายล่าสุด ถือเป็นรายแรกของปีนี้

สำหรับโรคร้ายที่มียุงเป็นพาหะอีกชนิดหนึ่ง คือไวรัส เวสท์ไนล์ นั้น สำนักงานสาธารณสุขของแอลเอ เคาน์ตี้ บอกว่าปีนี้มีผู้เสียชีวิตแล้วถึงสี่ราย และเตือนให้ประชาชนระมัดระวังอย่าให้ยุงกัด โดยการใช้ยาฉีดกันยุง หรือแต่งตัวให้มิดชิดระหว่างทำกิจกรรมนอกบ้านในช่วงเช้าหรือเย็น ขณะเดียวกันก็ต้องเก็บกวาดบริเวณรอบบ้านให้โล่งเตียน ดูแลอย่าให้มีแหล่งน้ำขัง เช่นกระถางต้นไม้ อ่างน้ำนก สระน้ำเด็กเล่น รวมถึงใบไม้แห้ง หรือเศษกระเบื้องหงาย เพราะจะเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงได้.

เศรษฐีจ๋อย ศาลห้ามปิดทางลงหาดสาธารณะ

เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2018 ผู้พิพากษาศาลฎีกาในรัฐแคลิฟอร์เนีย ตัดสินให้มูลนิธิเซิร์ฟไรเดอร์ ซึ่งเป็นตัวแทนเครือข่ายนักโต้คลื่น ชนะคดีที่เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง 'วิโนด โคสลา' เศรษฐีชาวอเมริกัน เชื้อสายอินเดีย วัย 63 ปี เจ้าของที่ดินติดกับชายหาดมาร์ตินในเมืองซานฟรานซิสโก ซึ่งติดป้ายประกาศห้ามบุคคลภายนอกใช้ชายหาดติดกับที่ดินของเขาเป็นทางผ่านไปยังจุดเล่นกระดานโต้คลื่นยอดนิยม โดยผู้พิพากษาระบุว่าชายหาดเป็นพื้นที่สาธารณะที่ต้องได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย ทำให้คดีความที่กินเวลายืดเยื้อมานานกว่า 10 ปีสิ้นสุด

โดยแอลเอไทม์ รายงานว่า โคสลาซื้อที่ดินติดกับชายหาดมาร์ตินต่อจากเจ้าของเดิม ซึ่งเคยอนุญาตให้นักเล่นกระดานโต้คลื่นจอดรถและใช้ห้องน้ำในที่ดิน โดยแลกกับค่าบริการ 10 ดอลลาร์ แต่เศรษฐีจากซิลิคอล แวลเล่ย์ เห็นว่าการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ดังกล่าวเป็นเรื่องไม่คุ้มทุน จึงกั้นรั้วห้ามคนภายนอกผ่านโดยเด็ดขาด ทำให้มูลนิธิเซิร์ฟไรเดอร์ยื่นฟ้องศาลเมื่อประมาณสิบปีก่อน

ที่ผ่านมา วิโนด โคสลา สู้ในชั้นศาลว่าการกระทำของตน เป็นการป้องกันสิทธิส่วนบุคคล และเรียกร้องให้ทุกคนเคารพสิทธิของเขาด้วย แต่ศาลสหรัฐฯ ทั้งศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ และล่าสุดคือศาลฎีกา มีคำตัดสินเหมือนกันให้โคสลาเปิดพื้นที่ชายหาดแก่สาธารณะ และไม่รับคำร้องให้คุ้มครองชายหาดเป็นที่ดินส่วนบุคคล

ผู้พิพากษายังมีคำตัดสินใจคณะกรรมการบริหารจัดการชายหาดสาธารณะ เจรจากับโคสลา เพื่อหาแนวทางดูแลรับผิดชอบชายหาดดังกล่าว ซึ่งเชื่อมต่อกับอ่าวฮาล์ฟมูนและเป็นสถานที่เล่นกระดานโต้คลื่นที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของซานฟรานซิสโก โดยอาจจะเสนอให้มีการตั้งกองทุนดูแลรักษาพื้นที่และสาธารณูปโภคในบริเวณดังกล่าว ตั้งแต่ที่จอดรถ ห้องน้ำ และประตูเข้า-ออก โดยยึดหลักการเดียวกับการบริหารจัดการสวนสาธารณะซึ่งควรมีเวลาเปิดและปิดที่ชัดเจน

ทั้งนี้ โคสลาเป็นผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท 'ซัน ไมโครซิสเตมส์' และเป็น 1 ใน 400 มหาเศรษฐีที่ร่ำรวยติดอันดับโลก จากการสำรวจของนิตยสารฟอร์บส์เมื่อปี 2014 โดยเขาซื้อที่ดินผืนดังกล่าวในราคากว่า 34 ล้านดอลลาร์ เมื่อปี 2008 และกั้นรั้วห้ามผ่านที่ดินของเขาลงไปยังชายหาดมาร์ตินในปีเดียวกัน

มูลนิธิเซิร์ฟไรเดอร์ แถลงว่าคำตัดสินของผู้พิพากษาในครั้งนี้ จะเป็นการสร้างบรรทัดฐานในการต่อสู้ทางกฎหมายแก่ประชาชนในพื้นที่อื่นๆ ทั่วรัฐแคลิฟอร์เนียซึ่งถูกปิดโอกาสเข้าถึงชายหาดสาธารณะ เพราะมหาเศรษฐีหรือกลุ่มทุนหลายรายซื้อที่ดินบริเวณชายหาดและกลายเป็นพื้นที่ส่วนบุคคล.


 




นำเสนอข่าวโดย : ภาณุพล รักแต่งาม,
แหล่งที่มาข่าวโดย : สยามทาวน์ยูเอส

แสดงความคิดเห็น

Name :

Detail :




ฉบับที่
599
siamtownus newspaper








Hots Clip VDO ดูทั้งหมด

ขออภัยสัญญาณ VDO มีปัญหากำลังดำเนินการแก้ไข