สำนักงานอิมมิเกรชั่น แถลงเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2018 ว่า ได้มีการจับกุมผู้เข้าเมืองแบบผิดกฎหมายในลอส แอนเจลิส ประมาณ 150 คน ตามปฏิบัติการที่เริ่มตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 23 กันยายน จนถึงวันอังคารที่ 25 กันยายน โดยผู้ถูกจับกุมเกือบทั้งหมด คือ 90 เปอร์เซ็นต์เป็นผู้ลอบเข้าเมืองที่มีประวัติอาชญากรรม เช่นผู้ต้องโทษคดีพยายามฆ่า และผู้หญิงที่เคยต้องโทษข้อหาขับรถเมา (DUI) มาแล้วถึงเจ็ดครั้ง เป็นต้น
การจับกุมครั้งนี้ มีขึ้นทั้งในแอลเอ เคาน์ตี้, ออเรนจ์ เคาน์ตี้, ซานเบิร์นนาดิโน่ เคาน์ตี้, ริเวอร์ไซด์ เคาน์ตี้, ซานตาบาร์บาร่า เคาน์ตี้ และเวนทูร่า เคาน์ตี้
“นี่คือปฏิบัติการแบบเจาะจงเป้าหมาย และเป้าหมายของเราคือการเพิ่มความปลอดภัยให้กับสาธารณชน” โทมัส กิลส์ หัวหน้าหน่วยปฏิบัติของไอซ์ สำนักงานแอลเอ กล่าว และว่าเป็นการบุกจับกุมบุคคลที่เชื่อว่ามีอันตรายต่อชุมชนเท่านั้น
การแถลงข่าวครั้งนี้ โทมัส กิลส์ ได้วิพากษ์วิจารณ์ร่างกฎหมาย เอสบี54 หรือกฎหมายว่าด้วยการเป็นรัฐหลบภัย (sanctuary stae) ของแคลิฟอร์เนียด้วย โดยบอกว่า ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมล่าสุดนี้ ประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์ คือผู้ต้องหาที่เคยถูกจับกุมโดยเจ้าหน้าที่ท้องที่ และถูกปล่อยตัวออกจากระบบคุกโดยไม่มีการประสานงานกับไอซ์
“เอบี54 เป็นการบังคับไม่ให้ผู้รักษากฎหมายส่งมอบผู้ต้องหาที่อยู่ระหว่างควบคุมตัวให้กับเรา ผมหวังว่าจะมีคนของเราทำงานกับระบบคุกของท้องที่ เพื่อได้ตัวพวกเขาในนั้น แทนที่จะต้องมาจับกุมข้างนอก ท่ามกลางชุมชน”
ไอซ์ยกตัวอย่างผู้ถูกจับกุมคนหนึ่ง เป็นชาวแม็กซิกัน วัย 36 ปี เคยถูกจับและปล่อยตัวโดยหน่วยงานกฎหมายท้องถิ่นถึงสามครั้งในปี 2018 และเป็นผู้ที่ไอซ์พยายามประสานงานขอตัวไปดำเนินคดีมาโดยตลอด โดยไอซ์บอกว่านักโทษชายคนนี้ เป็นผู้ต้องหาคดีร้ายแรงสารพัดอย่าง เช่นพยายามฆ่า, ทำร้ายร่างกายด้วยอาวุธร้ายแรง, กระทำผิดต่อผู้เยาว์, หลีกเลี่ยงการลงทะเบียนเป็นผู้ต้องหคดีทางเพศ (sex offender), ขับรถขณะมึเมา และมียาเสพติดไว้ในครอบครอง ขณะที่ผู้ถูกจับกุมเพศหญิงอีกคนหนึ่ง เคยถูกจับกุมข้อหาขับรถขณะมึนเมา (DUI) ถึงเจ็ดครั้งในระยะเวลาสามปีที่ผ่านมา เคยถูกจับกุมและรับโทษจำคุกถึงสองครั้ง แต่ถูกปล่อยตัวเป็นอิสระหลังพ้นโทษ โดยไม่มีการประสานงานกับไอซ์
ข่าวบอกว่าปฏิบัติการในแอลเอครั้งนี้ ถือเป็นปฏิบัติการครั้งที่สามของไอซ์ โดยครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อต้นปี มีการจับกุมผู้เข้าเมืองผิดกฎหมาย 212 คนจากปฏิบัติการที่กินเวลาสามวัน ครั้งที่สองเกิดขึ้นเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา มีการจับกุมโรบินฮูดที่มีประวัติอาชญากรรมมากถึง 162 คน เป็นชาย 157 คน เป็นหญิง 5 คน ส่นใหญ่ คือ 129 คนเป็นชาวแม็กซิกัน
โทมัส กิลส์ บอกด้วยว่า การตามจับกุมผู้เข้าเมืองโดยผิดกฎหมายมีขึ้นทุกวัน แต่ทั้งหมดเป็นการลงมือแบบมีเป้าหมาย ไม่ใช่การสุ่มจับ.