แคลิฟฯ อนุญาตให้ขายอาหารโฮมเมดแล้ว
เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2018 เจอร์รี่ บราวน์ ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย ได้ลงนามให้กฎหมาย เอบี 626 มีผลบังคับใช้ โดยกฎหมายฉบับนี้ คือการอนุญาตให้บุคคลทั่วไปสามารถจำหน่ายอาหารที่ปรุงด้วยตัวเองที่บ้านได้ นับจากวันที่ 1 มกราคม 2019 เป็นต้นไป
ที่ผ่านมา กฎหมายของแคลิฟอร์เนีย ไม่อนุญาตให้มีการจำหน่ายอาหารที่ปรุงเองที่บ้าน เพราะมีความกังวลเรื่องสุขภาพของผู้บริโภค แต่กฎหมาย เอบี 626 ซึ่งเรียกอาหารโฮมเมดเหล่านี้ว่า MHKs ซึ่งย่อมาจาก Microenterprise home kitchens มีรายละเอียดปลีกย่อยที่เชื่อว่าสามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ เช่นผู้ขายจะต้องยื่นขอใบอนุญาต (permit) จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อน และเมื่อได้ใบอนุญาตแล้วก็สามารถปรุงอาหารเพื่อจำหน่ายให้แก่ลูกค้าได้ แต่ต้องไม่มากกว่าสัปดาห์ละ 60 ชุด อีกทั้งจะต้องเป็นการซื้อขายโดยตรงกับลูกค้า ไม่ผ่านคนกลาง (เช่นร้านอาหาร) รวมถึงต้องมีการเซ็นชื่อยินยอมให้เจ้าหน้าที่ของหน่วยงานสาธารณสุขเข้าไปตรวจสอบที่บ้าน ในกรณีที่มีการร้องเรียนจากผู้บริโภคเกิดขึ้น
ข่าวบอกว่าโดยหลักแล้ว การปรุงอาหารเพื่อจำหน่ายในบ้าน จะต้องปฏิบัติตามกฎและระเบียบเดียวกับร้านอาหารทั่วไป แต่จะมีการยกเว้นหลายข้อ เช่นไม่จำเป็นต้องมีอ่างล้างจานขนาดใหญ่ (3 compartment sink) เป็นต้น.
|
โฮมเลสในแอลเอ มี “เป็นแสน”
การนับจำนวนคนไร้บ้าน หรือโฮมเลส ในเขตแอลเอ เคาน์ตี้ เป็นกิจกรรมที่เกิดขึ้นทุกปีในช่วงเดือนมกราคม โดยมีจำนวนอาสาสมัครนับพันคน กระจายตัวออกเก็บตัวเลขโฮมเลส ต่อเนื่องกันสามคืน ซึ่งผลการนับจำนวนโฮมเลสของปี 2017 ระบุมีมากถึง 52,765 คน
อย่างไรก็ตาม ผลการนับจำนวนโฮมเลส ของเคาน์ตี้ กลายเป็นประเด็น “ดราม่า” ทุกปี เพราะวิพากษ์วิจารณ์กันกว่าเป็นการนับแบบผิวเผิน ไม่ได้เจาะลึกถึงประเด็นสำคัญ เช่นมีจำนวนโฮมเลส เพิ่มขึ้นเท่าไหร่ในแต่ละปี หรือโฮมเลสแต่ละคน ใช้เวลากินอยู่หลับนอนข้างถนนนานเท่าไหร่ เป็นต้น เพราะหากนำข้อมูลในส่วนนี้มาร่วมประเมินด้วย จะได้ตัวเลขของโฮมเลสที่ตรงกับความเป็นจริงมากขึ้น อันจะเป็นข้อมูลสำหรับการแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ล่าสุด หน่วยงานวิเคราะห์ข้อมูลชื่อ the Economic Roundtable ได้เผยผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับโฮมเลสในปี 2017 ของ แอลเอ เคาน์ตี้ แล้วสรุปว่ามีประชากรกลุ่มที่เป็นโฮมเลสในเขต แอลเอ เคาน์ตี้ มากถึง 102,278 คน มากกว่าตัวเลขของทางเคาน์ตี้ถึงสองเท่า โดย The Economic Roundtable บอกว่าเป็นการนับรวมคนที่ออกมาเป็นโฮมเลส เพียงระยะสั้นๆ ด้วยในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมาด้วย.
|
เมืองแอลเอ เตรียม “แบน” เสื้อขนสัตว์
เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2018 สภาเมืองแอลเอ ได้ลงมติเห็นชอบกับข้อเสนอเบื้องต้นว่าด้วยการไม่อนุญาตให้มีการขายหรือผลิตสินค้าที่ทำจากขนสัตว์ (fur products) ทุกชนิด เช่นเสื้อ รองเท้า กระเป๋าถือ และอื่นๆ ในเขตเมืองแอลเอ ทำให้ข้อเสนอเรื่องนี้ถูกส่งไปยังสำนักงานอัยการของแอลเอ เพื่อทำการศึกษาว่ามีความขัดแย้งกับกฎหมายของรัฐแคลิฟอร์เนีย หรือของรัฐบาลกลางหรือไม่ จากนั้นก็จะร่างเป็นเทศบัญญัติ และส่งให้สภาเมืองพิจารณาต่อไป โดยเชื่อว่าขั้นตอนนี้จะต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่าสองปี
เมื่อปี 2011 เมืองเวสท์ ฮอลลีวูด ได้ผ่านเทศบัญญัติลักษณะคล้ายๆ กันมาแล้ว แต่เป็นเทศบัญญัติที่ยกเว้นให้กับผลิตภัณฑ์ที่ทำจากสัตว์ที่จับหรือล่าอย่างถูกต้องตามกฎหมายของรัฐแคลิฟอร์เนีย รวมถึงไม่รวมถึงผลิตภัณฑ์หลายชนิด เช่นกระเป๋าถือขนาดเล็ก และเครื่องประดับ (jewelry)
ข่าวบอกว่า หากมีการบังคับใช้เทศบัญญัติว่าด้วยการแบนผลิตภัณฑ์ที่ทำจากขนสัตว์จริงๆ ลอส แอนเจลิส จะเป็นเมืองใหญ่เมืองแรกของอเมริกาที่มีกฎหมาย “เมตตาธรรม” แบบนี้
ท่าทีของสภาเมืองแอลเอ ทำให้บรรดานักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิของสัตว์ ซึ่งไปรวมตัวชูป้ายสนับสนุนร่างเทศบัญญัติฉบับนี้ที่ซิตี้ฮอลล์ ในวันเดียวกัน แสดงความพอใจ และยกย่องในความมีเมตตาของสมาชิกสภาเมือง โดยบอกว่าอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ที่ทำจากขนสัตว์ ทำให้มีสัตว์จำนวนมากถูกกักขังในที่แคบๆ ตลอดชีวิต ก่อนจะถูกฆ่าเพื่อเอาขน ขณะกลุ่มล็อบบีอิสต์จากอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ขนสัตว์ แย้งว่า มติของสภาเมืองแอลเอดังกล่าว มาจากข้อมูลอันเป็นเป็นเท็จ อีกทั้งบอกว่าหากมีการผ่านเทศบัญญัติฉบับนี้จริงๆ ก็จะมีผลกระทบใหญ่หลวงกับเศรษฐกิจของของเมืองลอส แอนเจลิส ด้วย
“มีสินค้าขนสัตว์จำนวนมากถูกซื้อขายในแอลเอ ดังนั้น จะมีผลกระทบกับตำแหน่งงาน และกับการเก็บภาษีด้วย” กลุ่มที่คัดค้านร่างกฎหมายฉบับนี้ระบุ และว่าในปี 2012 ที่ผ่านมา มีเงินหมุนเวียนมากถึง 360 ล้านดอลลาร์ในอุตสาหกรรมค้าปลีกผลิตภัณฑ์ขนสัตว์ทั่งรัฐแคลิฟอร์เนีย.
|
รถไฟเชื่อม วิคเตอร์วิลล์-ลาส เวกัส เสร็จปี 2022
แผนการสร้างเส้นทางรถไฟความเร็วสูงระหว่างแคลิฟอร์เนียใต้กับลาส เวกัส ที่มีการพูดถึงมานานนับสิบปี เริ่มปรากฎเป็นรูปร่างชัดเจนขึ้น หลังจากมี “นายทุน” รายใหม่จากฟลอริด้า ชือ ไบร์ทไลน์ (Brightline) ประกาศตัวสนับสนุน
ไบร์ทไลน์ เป็นเจ้าของโครงการสร้างรถไฟเชื่อมระหว่างไมอามี กับออร์แลนด์โด ซึ่งจะแล้วเสร็จในปี 2020 ได้เข้ามารับหน้าที่เป็นนายทุนให้กับโครงการรถไฟเชื่อมระหว่างเมืองวิคเตอร์วิลล์กับลาส เวกัส แทนบริษัท เอ็กซ์เพรสเวสท์ (XpressWest) ซึ่งผิดชอบโครงการนี้มาตั้งแต่ต้น ส่วนรายละเอียดในข้อตกลงระหว่างสองบริษัทนี้ ไม่เป็นที่เปิดเผย
ไบรท์ไลน์ บอกว่าจะลงมือสร้างเส้นทางรถไฟเชื่อมระหว่างวิคเตอร์วิลล์กับลาส เวกัส ระยะทางประมาณ 185 ไมล์ในช่วงต้นปีหน้า โดยจะสร้างเลียบไปกับฟรีเวย์ 15 และว่ารถไฟความเร็วสูงขบวนนี้ จะใช้เวลาเดินทางระหว่างสองเมืองเพียงประมาณ 80 นาที เทียบกับการเดินทางด้วยรถยนต์ (ฟรีเวย์ 15) ที่ใช้เวลาเกือบสามชั่วโมง (หรือมากกว่าในกรณีรถติด) โดยจะให้บริการทุกๆ 20 นาที ในอัตราค่าโดยสารระหว่าง 75-100 ดอลลาร์ต่อเที่ยว.
|
จับโฮมเลส กรีดยางรถ 85 คันในเซาท์ แอลเอ
เมื่อเช้ามืดของวันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมผู้หญิงคนหนึ่งจากบริเวณ เจฟเฟอร์สัน ปาร์ค โดยเชื่อว่าเธอคือคนลงมือกรีดยางรถยนต์ที่จอดอยู่ริมถนนในเซาท์แอลเอ ไม่ต่ำกว่า 85 คัน
เจ้าหน้าที่ตำรวจแถลงว่า มีพยานชี้ตัวว่าผู้หญิงคนดังกล่าว คือผู้ลงมือกรีดยางรถยนต์แทบทุกคันในย่านนั้น รวมถึงบอกว่าพบของกลาง คือมีดพกอยู่ใกล้ตัวผู้หญิงคนดังกล่าวด้วย
โดยในเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถระบุชื่อของผู้ต้องหาเพศหญิงคนนี้ได้ โดยเชื่อว่าเธอเป็นโฮมเลส ที่อาศัยอยู่ในละแวกนั้น.
|