การชกป้องกันแชมป์โลกรุ่น ซูเปอร์ไลท์เวท ระหว่าง โฮเซ่ รามิเรซ นักชกอเมริกัน วัย 26 ปี กับผู้ท้าชิงชาติเดียวกัน  แอนโทนิโอ้ โอรอสโก้ วัย 30 ปี ที่สนาม เซฟมาร์ท อารีรน่า ในเมืองเฟรสโน่ แคลิฟอร์เนีย ในวันที 14 กันยายน 2018 นั้น ถือเป็นการชกชิงเข็มขัดแชมป์โลกครั้งที่ 2,018 ของสภามวยโลก หรือ WBC ที่มีอายุครบ 55 ปีในปีนี้

โอกาสนี้ เว็บไซต์ของสภามวยโลก ได้เผยแพร่สถิติที่น่าสนใจต่างๆ ที่เกิดขึ้นในรอบ 55 ปีที่ผ่านมา เช่นบอกว่าเคยมีการชกชิงเข็มขัดแชมป์โลกรุ่นซูเปอร์ไลท์เวท รวมทั้งหมด 127 ครั้ง และเป็นการชกในสหรัฐฯ 72 ครั้ง ฯลฯ

รวมถึงจัดอันดับสุดยอดแชมป์โลกรุ่นซูเปอร์ไลท์เวท ของสภามวยโลก หรือ Top 10 All-tima WBC ด้วย ซึ่งผลการจัดอันดับดังกล่าวปรากฎว่ามีแชมป์โลกชาวไทยติดอันดับด้วย คือ แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์ โดยติดอยู่ในอันดับสิบ

1 ฮูลิโอ ซีซาร์ ชาเวซ (แม็กซิโก)
2 ออสก้าร์ เดอ ลา โฮย่า (ยูเอส/แม็กซิกัน)
3 คอนแสตนติน Tszyu (ออสเตรเลีย)
4 โรเจอร์ เมย์เวทเตอร์ (ยูเอส)
5 ทิโมธี แบรนด์เลย์ (ยูเอส)
6 บรูโน่ อาร์คารี (อิตาลี่)
7 อาร์ทูโร่ เก็ตตี (แคนาดา)
8 แดนนี่ การ์เซีย (ยูเอส)
9 เดวอน อเล็กซานเดอร์ (ยูเอส)
10 แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์ (ไทย)

ข้อมูลของสภามวยโลกบอกว่า ในรอบ 55 ปี เคยมีผู้ครองเข็มขัดแชมป์โลกรุ่นซูเปอร์ไลท์เวทมาแล้วทั้งหมด 35 คน แต่มีเพียงสี่คนที่เป็นแชมป์โลกมากกว่าหนึ่งครั้ง โดยคนแรกคือ แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์ ปี 1975-7976 และครั้งที่สองระหว่าง1976-1978 ส่วนอีกสามคนที่เหลือคือ เรอเน อาเรดอนโด้ (แม็กซิโก), ฮูลิโอ ซีซาร์ ชาเวส (แม็กซิโก) และทิโมธี แบรนด์เลย์ จูเนียร์ (ยูเอส)

นอกจากนี้ ยังมีการจัดอันดับไฟต์แห่งความทรงจำ (Memorable Fights) จากการชกชิงแชมป์โลกรุ่นซูเปอร์ไลท์เวทของสภามวยโลกทั้ง 127 ครั้ง ซึ่งการชกป้องกันตำแหน่งแชมป์โลกของ แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์ กับ ฟรานซิสโก้ โมเรโน่ เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 1978 ที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เป็นหนึ่งในการชกที่ถูกจัดให้ติดอยู่ในอันดับนี้ด้วย

และชื่อของ แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์ ยังถูกสภาโลก บันทึกเอาไว้ในฐานะนักชกที่สามารถคว้าเข็มขัดแชมป์โลกได้เร็วที่สุด (fastest to a world title) ด้วย เพราะคว้าแชมป์โลกได้สำเร็จหลังจากชกมวยสากลอาชีพ เพียงแค่สามครั้ง คนที่สองคือนักชกจากยูเครน วาซีล โลมาเชนโก้ ชกมวยสากลอาชีพเพียงสามครั้งเช่นกัน ก่อนจะคว้าแชมป์โลกรุ่นเฟเตอร์เวท ในปี 2014

แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์ มีชื่อจริงว่า บุญส่ง มั่นศรี เกิดเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2494 ที่ตำบลสะเดียง อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นแชมป์โลกชาวไทยคนที่ 5 ต่อจากโผน กิ่งเพชร (ฟลายเวท สภามวยโลก), ชาติชาย เชี่ยวน้อย (ฟลายเวท สภามวยโลก), เบิกฤกษ์ ชาติวันชัย (ฟลายเวท สมาคมมวยโลก) และเวนิส บ.ข.ส. (ฟลายเวท สภามวยโลก) ถือเป็นนักมวยแชมป์โลกรุ่นใหญ่ที่สุดเท่าที่ประเทศไทยเคยมีมา

เริ่มหัดชกมวยไทยครั้งแรกกับ ครูสมคิด คำมาตย์ (สายชัย เมืองสุรินทร์) โดยใช้ชื่อ "แสนแสบ เพชรเจริญ" หรือ "แสบทรวง เพชรเจริญ” จนเมื่อเข้ากรุงเทพฯ และฝึกมวยอยู่กับค่าย "เมืองสุรินทร์" ของ "จอมตบ" สนอง รักวานิช ก็กลายเป็นนักมวยไทยชื่อดัง เคยปะทะฝีมือยอดมวยไทยร่วมสมัยหลายคน เช่น ศิริมงคล ลูกศิริพัฒน์, วิชาญน้อย พรทวี, พุฒ ล้อเหล็ก, คงเดช ลูกบางปลาสร้อย, ขุนพล สาครพิทักษ์, วิสันต์ ไกรเกรียงยุค, ผุดผาดน้อย วรวุฒิ เป็นต้น รวมถึงเคยเป็นแชมป์มวยไทยรุ่นซูเปอร์ไลท์เวท (140 ปอนด์) ของสนามมวยเวทีลุมพินี ด้วยการเอาชนะน็อก สรศักดิ์ ส.ลูกบุคคโล หลานชายของ สุข ปราสาทหินพิมาย เพียงแค่ยกแรกด้วย

แสนศักดิ์ขึ้นชกมวยสากลสมัครเล่นครั้งแรกในการแข่งขันกีฬาแหลมทองครั้งที่ 7 ที่ประเทศสิงคโปร์ เมื่อปี พ.ศ. 2516 และสร้างความตะลึงให้กับผู้ชม ด้วยการเอาชนะน็อกทุกครั้งจนคว้าเหรียญทองมาครองได้ในที่สุด ทำให้ "พญาอินทรี" เทียมบุญ อินทรบุตร และ สนอง รักวานิช สนับสนุนให้แสนศักดิ์หันมาชกมวยสากล โดยวางแผนที่เรียกว่า “บันไดสามขั้น” ผลักดันให้แสนศักดิ์เป็นแชมป์โลกจากการชกเพียงแค่สามครั้ง เพราะมั่นใจในพลังหมัด (ซ้าย) เป็นอย่างมาก ซึ่งแสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์ ก็ทำได้จริง โดยกลายเป็นแชมป์โลกรุ่นซูเปอร์ไลท์เวทของสภามวยโลก (WBC) จากการชกสากลอาชีพครั้งที่สาม โดยชนะทีเคโอ (ยอมแพ้) ยก 8 เปริโก้ เฟอร์นันเดซ นักมวยชาวสเปน ในปี พ.ศ. 2518

แสนศักดิ์ป้องกันตำแหน่งแชมป์โลกครั้งแรกได้สำเร็จ โดยการเอาชนะน็อก เท็ตสุโอะ 'ไลอ้อน' ฟูรูยาม่า นักมวยชาวญี่ปุ่น แต่เสียแชมป์โลกในการขึ้นเวทีครั้งที่สองกับ มิเกล เวลาสเควซ นักมวยชาวสเปน ที่กรุงมาดริด ประเทศสเปน โดยถูกจับแพ้ฟาล์วในยกที่ 4 เนื่องจากชกคู่ต่อสู้หลังระฆังตีหมดยกแล้ว

อีก 4 เดือนต่อมา แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์ มีโอกาสแก้มือกับ มิเกล เวลาสเควซ ที่สเปนอีกครั้ง  คราวนี้ แสนศักดิ์เป็นฝ่ายชนะน็อกในยกที่ 2 กลับมาเป็นแชมป์โลกอีกครั้ง โดยคราวนี้ เขาป้องกันตำแหน่งได้สำเร็จถึงแปดครั้ง โดยการชกป้องกันเข็มขัดของเขาหลายครั้ง กลายเป็นการชกที่ผู้ชมยังคงประทับใจจนถึงปัจจุบัน เช่น การชกกับ มอนโร บรู๊คส์ นักมวยชาวอเมริกันที่จังหวัดเชียงใหม่, การชกกับ ซาอูล แมมบี้ นักมวยชาวอเมริกันที่จังหวัดนครราชสีมา และการชกกับ ฟรานซิสโก้ โมเรโน่ ที่หาดใหญ่ ซึ่งสภามวยโลก จัดให้เป็นไฟต์แห่งความทรงจำในโอกาสครบรอบ 55 ปีครั้งนี้ด้วย

แต่การชกกับ ราอูล แมมบี้ นั้น แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์ มีสภาพบอบช้ำเป็นอย่างมาก และเชื่อว่าปัญหาเกี่ยวกับสายตาที่เกิดขึ้นในภายหลังนั้น เป็นผลกระทบจากจากการชกไฟต์นี้เอง

แสนศักดิ์ มีภรรยาคนแรก คือ ปริม ประภาพร ดาราสาวชื่อดังในสมัยนั้น และมีลูกชายด้วยกัน 1 คนชื่อ เกรียงศักดิ์ มั่นศรี หลังจากเลิกกับภรรยาคนแรก แสนศักดิ์ได้มีภรรยาอีกคน ชื่อศศวรรณ ดาวัลย์ และรับอุปการะลูกสาวบุญธรรมชื่อ บุญวาด มั่นศรี

สภาพความเป็นอยู่ของแสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์ ในระยะหลังนั้น ข่าวบอกว่าค่อนข้างยากลำบาก เพราะดวงตาด้านขวาได้บอดสนิท ต้องยังชีพด้วยเงินช่วยเหลือจากการกีฬาแห่งประเทศไทยเดือนละ 7,500 บาท และจากสภามวยโลกอีกเดือนละ 9,000 บาท

ยอดนักชกฉายา “ไอ้แสบ” เสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 16 เมษายน 2552 ที่โรงพยาบาลราชวิถี ด้วยอาการลำไส้ฉีกขาด เนื่องจากถูกโรคร้ายรุมเร้าด้วยกัน ด้วยวัย 58 ปี

เมื่อต้นปีที่ผ่านมา จังหวัดเพชรบูรณ์ ได้สร้างอนุสรณ์ "ไอ้แสบ" แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์ ที่หมู่บ้าน ต.สะเดียง อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ โดยมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2561 เพื่อให้ประชาชนได้ระลึกถึง บุญส่ง มั่นศรี หรือ "ไอ้แสบ" แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์ อดีตแชมเปี้ยนโลกชาวไทยคนที่ 5 ผู้ล่วงลับ.