ตลอดสัปดาห์นี้ เว็บไซต์ของสื่อมวลชนแทบทุกสังกัดในประเทศไทย ได้เกาะติดข่าวศาลจังหวัดเกาะสมุยได้ออกหมายจับ นายประมุข อนันตศิลป์ แอดมินเพจ CSI LA พร้อมพวกอีก 12 รายที่ได้แชร์ข้อมูลเกี่ยวกับนักท่องเที่ยวสาวชาวอังกฤษ วัย 19 ปี อ้างว่าตนเองถูกข่มขืนบนเกาะเต่า จังหวัดสุราษฎร์ และตำรวจไม่สนใจรับแจ้งความ โดยขณะนี้สามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้แล้วทั้งสิ้น 11 ราย เหลือเพียงนายประมุข อนันตศิลป์ แอดมินเพจ CSI LA อีกเพียงหนึ่งราย เพราะอยู่ที่นครลอส แอนเจลิส
โดยความคืบหน้าเมื่อวันที่ 5 กันยายน ที่ผ่านมา ข่าวบอกว่า พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบช.ทท. ในฐานะรองผอ.ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ศปอส.ตร.) ได้ออกมากล่าวว่าการออกหมายจับครั้งนี้ ไม่ได้ออกหมายจับเพราะเพจ CSI LA แสดงความคิดเห็นหรือวิเคราะห์ข้อมูลในเชิงที่เป็นลบ แต่การออกหมายจับครั้งนี้ เนื่องจากทางเพจ CSI LA ได้มีการลงข้อมูลที่บิดเบือนข้อเท็จจริง และส่งผลให้ประเทศไทยได้รับความเสียหาย กระทบต่อการท่องเที่ยว เช่นเดียวกับเพจเกาะสมุยไทม์ ที่ได้จับกุมไปแล้วก่อนหน้านี้
รองผอ.ศปอส.ตร. บอกด้วยว่าขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้ยุติการสืบสวนหาข้อเท็จจริงเรื่องข่มขืนนักท่องเที่ยวบนเกาะเต่าแล้ว เพราะตรวจสอบแล้วว่าไม่ได้มีการข่มขืนจริงตามที่กล่าวอ้าง อีกทั้งย้ำว่าทางเจ้าหน้าที่พร้อมเดินทางไปสอบปากคำผู้เสียหายที่อังกฤษ เพราะต้องทำความจริงให้ปรากฎเพื่อปกป้องชื่อเสียงประเทศ
นอกจากนี้ ทางเจ้าหน้ากงสุลอังกฤษก็ตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษถึงไม่ประสานมายังสถานทูตอังกฤษ แต่กลับไปให้สัมภาษณ์กับสื่อท้องถิ่นที่ประเทศอังกฤษแทน อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอังกฤษได้ทำการสอบปากคำ พร้อมนำเสื้อผ้าที่ผู้เสียหายสวมใส่ในวันเกิดเหตุไปตรวจสอบหาคราบอสุจิ ก่อนจะส่งมาให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไทย
ด้าน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) กล่าวถึงผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีสาวชาวอังกฤษ วัย 19 ปี อ้างว่าถูกวางยาและข่มขืนที่หาดทรายรี บนเกาะเต่า อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 5 กันยายนว่า ทุกอย่างเป็นไปตามที่ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบช.ทท. ลงไปตรวจสอบ และชี้แจงต่อกงสุลใหญ่อังกฤษประจำประเทศไทย ว่า จากการสืบสวนสอบสวนพบว่าเรื่องดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นจริง ไม่ได้มีการ ข่มขืนนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษตามที่กล่าวอ้าง เรื่องนี้ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้สรุปเร็วเกินไป และถามกลับไปทางเพจ CSI LA การที่นำเรื่องแบบนี้ไปโพสต์ไปนำเสนอบนโลกโซเชียลเป็นการ สรุปเร็วไปหรือไม่ เพราะเรื่องนี้ตำรวจดำเนินการไปตามขั้นตอน มีการสืบสวนสอบสวน ซึ่งตนก็ไม่เข้าใจว่าใครสรุปเร็วกว่ากัน
ผบ.ตร. ย้ำว่าตำรวจทำเต็มที่แล้ว เชื่อหรือไม่เชื่อขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแต่ละบุคคล ทำตามหลักนิติวิทยาศาสตร์ มีการไล่กล้องวงจรปิดบริเวณโดยรอบกว่า 100 ตัว ถ้าเป็น คดีทั่วไปไล่กล้องขนาดนี้จับตัวคนร้ายได้แล้ว รวมถึงบอกว่าตนไม่ทราบว่ากงสุลใหญ่อังกฤษ ประจำประเทศไทย พอใจหรือไม่ แต่ไม่มีการทักท้วงใดๆ มา
ส่วนกรณีที่เพจ CSI LA โพสต์ข้อมูลว่า ตำรวจสากล ได้รับคดีดังกล่าวไว้แล้วนั้น ผบ.ตร. กล่าวว่า ยังไม่ทราบ แต่ทางการไทยมีการประสานกับตำรวจสากลหรืออินเตอร์โพลเป็นประจำอยู่แล้ว ส่วนการติดตามตัวแอดมินเพจถึงไหนแล้วนั้น ไม่จำเป็นต้องบอก เพราะอยู่ในขั้นตอนการสืบสวนสอบสวน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าผลการสืบสวนสอบสวนถึงที่สุดแล้วปรากฏว่าเรื่องที่นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ กล่าวอ้าง ไม่เป็นความจริง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะดำเนินการอย่างไร ผบ.ตร. กล่าวว่า ก็ต้องห้ามบุคคลกลุ่มนี้ที่เกี่ยวข้องไม่ให้เข้าประเทศ รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษรายนี้ด้วย แอดมินเพจต่างๆ ด้วยเพราะทำให้ประเทศไทยเสียหาย.