เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ให้สัมภาษณ์พิเศษรายการ “Fox & Friends” ของสถานีฟ็อกซ์ เพื่อตอบโต้กระแสแรงกดดันรอบด้านให้มีการถอดถอนเขาออกจากตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยบอกว่าหากมีความพยายามเช่นนั้นจริง จะทำให้ประเทศชาติเสียหายอย่างรุนแรง
“ผมไม่เข้าใจว่าคุณจะมาถอดถอนคนที่ทำงานได้เลิศเลอขนาดนี้ได้ยังไง” ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าว และว่า “ถ้าผมถูกถอดถอนนะ ผมว่าตลาดหุ้นร่วงกระจุยแน่ คนจะจนกันหมดทั้งประเทศ ตัวเลขเศรษฐกิจรับรองว่าจะได้เห็นแย่แบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน”
กระแสเรียกร้องให้มีการถอดถอน หรือ impeach ประธานาธิบดีทรัมป์ เกิดขึ้นอย่างรุนแรงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากที่บุคคลใกล้ชิดสองคนของเขาในช่วงระหว่างการหาเสียงเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันลงเลือกตั้งในตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ถูกดำเนินคดีด้วยข้อหาอาญาร้ายแรง คือนายไมเคิล โคเฮน อดีตทนายความส่วนตัว ซึ่งสารภาพผิดในคดีอาญา 8 คดี ซึ่งรวมถึงคดีฉ้อโกงเงิน, การหนีภาษี และคดีโกงเงินธนาคาร และอีกรายคือนายพอล มานาฟอร์ต ซึ่งเป็นอดีตหัวหน้าทีมหาเสียงของนายทรัมป์ ที่ถูกตัดสินด้วยความผิดในข้อหาอาญา 8 กระทงจากคดีฉ้อโกงธนาคาร เลี่ยงภาษี รวมถึงการไม่เปิดเผยบัญชีธนาคารในต่างประเทศ จนกระแสข่าวดังกล่าวนั้นส่งผลให้เกิดคำถามถึงความชอบธรรมของประธาธิบดีทรัมป์ กับการเข้ามาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี และทำให้เกิดกระแสเรียกร้องให้มีการถอดถอนเขาออกจากตำแหน่ง
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะข่าวการเมืองหลายๆ ค่ายบอกคล้ายกันว่า ถึงจะมีความเคลื่อนไหวอย่างมากในสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อกดดันให้มีการถอดถอนประธานาธิบดีทรัมป์ รวมถึงทำให้คำว่า impeachment ถูกค้นหาอย่างมากในกูเกิลก็ตาม แต่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ประธานาธิบดีทรัมป์จะถูกพิจารณาให้ถอดถอนออกจากตำแหน่ง เนื่องจากสมาชิกพรรครีพับลิกกัน กำลังครองเสียงข้างมากในทั้งสองสภา แต่นักวิเคราะห์ก็เห็นพ้องกันว่า กระแสข่าวฉาวดังกล่าวนี้ จะส่งผลให้พรรคเดโมแครตได้รับชัยชนะการเลือกตั้งกลางเทอม ในช่วงปลายปีนี้ และมีความเป็นไปได้สูงที่พรรคเดโมแครต จะสามารถช่วงชิงความเป็นพรรคเสียงข้างมากในรัฐสภาสหรัฐฯ กลับคืนมาได้
ระหว่างการให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ฟ็อกซ์ ซึ่งรู้กันดีว่าเป็นเครือข่ายที่เสนอข่าวเข้าข้างรัฐบาลพรรครีพับลิกันตลอดมาครั้งนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวยกย่องตัวเองด้วยว่า “ผมให้คะแนนทำงานตัวเองเกรดเอบวก” และกล่าวอย่างแน่ใจว่าไม่เคยมีประธานาธิบดีสหรัฐคนไหนทำแบบตนเองได้มาก่อน.
อย่างไรก็ดี การออกมาคุยโวเรื่องผลงานทางเศรษฐกิจของตนเอง ในช่วงที่สหรัฐฯ กำลังเดินหน้าทำสงครามการค้ากับจีน ด้วยการขึ้นภาษีสินค้ามูลห้าหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยอ้างว่าทางการจีนใช้กลวิธีทางการค้าที่ไม่ยุติธรรม และถูกจีนตอบโต้ด้วยมาตรการที่มีมูลค่าเท่ากันนั้น ทำให้ถ้อยคำโวดังกล่าว กลายเป็นเรื่องเกินจริงอย่างเห็นได้ชัด เพราะมาตรการดังกล่าวกำลังส่งผลกระทบรุนแรงกับเกษตรกรสหรัฐฯ ที่มีจีนเป็นลูกค้ารายใหญ่ตลอดมา
โดยล่าสุด กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ ได้จัดสรรงบประมาณ 4.7 พันล้านดอลลาร์ สำหรับให้ความช่วยเหลือต่อเกษตรกรที่ปลูกข้าวฟ่าง ข้าวโพด ข้าวสาลี และฝ้าย รวมถึงผู้เลี้ยงสุกรและโคนม โดยจะมอบให้รายละไม่เกิน 125,000 ดอลลาร์
โดยเงินส่วนใหญ่ คือ 3.6 พันล้านดอลลาร์ จะมอบให้กับเกษตรกรที่ปลูกถั่วเหลือง เนื่องจากที่ผ่านมา จีนเป็นผู้ซื้อถั่วเหลืองที่ส่งออกจากสหรัฐราว 60 เปอร์เซ็นต์ แต่ขณะนี้จีนได้ระงับคำสั่งซื้ออย่างสิ้นเชิงแล้ว.