ดูโลก ดูธรรม และดูใจ
โดย ดร.พระมหาจรรยา สุทธิญาโณ เจ้าอาวาสวัดพุทธปัญญา
พระอัครสาวก





เมื่อพระพุทธเจ้าตรัสรู้ใหม่ๆ ได้เสด็จแสดงธรรมในกรุงราชคฤห์ พระเจ้าพิมพิสารพระเจ้าแผ่นดินแห่งแคว้นมคธได้ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าแล้ว ได้บรรลุพระโสดาบัน แสดงตนเป็นอุบาสกเข้าถึงพระรัตนตรัยอย่างไม่หวั่นไหวตลอดชีวิต จากนั้นพระองค์ได้ถวายเวฬุวันสวนไม้ไผ่ เป็นที่ประทับขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระภิกษุสงฆ์ที่เดินทางมาจากสี่ทิศ


   สมัยนั้นชายหนุ่มลูกชายนักธุรกิจใหญ่สองคนเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กๆ มีผู้ติดตามรวมกันได้ 250 คน สหายหนุ่มทั้งสองคนนี้ คนหนึ่งชื่อ โกลิตะ อีกคนหนึ่งชื่อ อุปติสสะ เวลาจะไปเที่ยวที่ไหนมักจะไปด้วยกัน เวลาทำกิจการต่างๆก็ทำด้วยกัน นับเป็นเพื่อนที่สนิทสนมกันมากทีเดียว
    
กรุงราชคฤห์เป็นเมืองหลวงแห่งแคว้นมคธที่เจริญรุ่งเรืองตั้งอยู่กลางหุบเขา สมัยนั้นเขาเรียกรุงราชคฤห์ว่า เป็นเมืองอยู่ในคอกเขา คือ มีภูเขาล้อมรอบอยู่ทุกด้านเหมือนอยู่ในคอกแห่งภูเขา เป็นศูนย์กลางแห่ง ศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม การค้า และความบันเทิงต่างๆ ใครต้องการมีชื่อเสียงในด้านใด เมื่อเตรียมตัวเสร็จแล้วก็ต้องเดินทางมาแสดงความสามารถของตน ณ กรุงราชคฤห์แห่งนี้ ถ้าแสดงความสามารถแล้วเป็นที่นิยมของชาวราชคฤห์ ไม่นานชื่อเสียงย่อมขจรไปไกล
    
กล่าวกันว่า แต่ละปีพอย่างเข้าฤดูหนาว อากาศกำลังสบายๆ การเดินทางไปมาสะดวก จะมีการแสดงมหรสพที่เนินเขาคราวละนานๆ นักร้องนักแสดงที่มีความสามารถสูงส่งจากเมืองต่างๆจะเดินทางมุ่งสู่กรุงราชคฤห์ เพื่อเปิดการแสดงให้เป็นที่ประจักษ์ ประทับใจแก่ท่านผู้ชมซึ่งต่างเดินทางมาจากต่างเมืองเพื่อชมมหรสพชั้นเยี่ยม ณ กรุงราชคฤห์
    
สองสหายนักธุรกิจหนุ่ม พร้อมเพื่อนๆ ผู้ติดตามอีก 250 คนก็เดินทางไปดูมหรสพบนเนินเขานั้นเป็นประจำแทบทุกวัน ทุกคนต่างยอมรับว่า มหรสพที่มาแสดงแต่ละคณะไม่ว่าจะร้อง รำ หรือละคร แสดงได้ยอดเยี่ยมจริงๆ โดยเฉพาะละครจะมีความสามารถในการแสดงสมบูรณ์ในทุกด้าน เวลาแสดงบทเศร้าท่านผู้ชมก็จะพากันร้องให้ตามบทละครนั้นไป เวลาหัวเราะสนุกสนาน ท่านผู้ชมก็หัวเราะกันเป็นที่ครื้นเครง ด้วยเหตุนี้เอง ใครๆก็รอคอยมหรสพเนินเขาแห่งนี้กันทุกปี
    
วันหนึ่ง สหายทั้งสองได้ชมละครคณะหนึ่งที่แสดงได้สุดยอดถึงอกถึงใจในทุกบท มีหัวเราะและร้องไห้สลับกันไปเป็นระยะๆสร้างความพอใจแก่ผู้ชมได้มากมาย ขณะที่ทุกคนกำลังดื่มด่ำกับบทละครอยู่นั้น อุปติสสะ ได้ละสายตาจากละครชั่วคราว คุยกับโกลิตะว่า

“คนแสดงละครที่ยอดเยี่ยมเหล่านี้ก็ตาม คนดูละครเหล่านี้ก็ตาม อีกไม่นานก็ต้องตายจากโลกนี้ไปทั้งหมด จะมีหนทางใดบ้างหนอที่จะไม่ตาย เราแสวงหาความไม่ตายกันบ้างดีไหม”
    
เมื่อละครจบแล้ว จึงเดินกลับบ้านได้พูดคุยและครุ่นคิดเรื่องนี้กันอย่างจริงจัง แล้วตกลงร่วมกันว่า พวกเราออกแสวงหาความหลุดพ้นจากความตายกันดีกว่า มีคำร่วมสมัยที่ใช้เรียกความหลุดพ้นจากความตายว่า โมกขะ หรือ โมกขธรรม เมื่อตกลงร่วมกันแล้วทั้งสองคนจึงออกแสวงหาโมกขธรรมร่วมกัน โดยเริ่มต้นเข้าไปศึกษาในสำนักของนักบวชปริพาชกก่อน เจ้าสำนักใหญ่ในกรุงราชคฤห์ชื่อว่าสัญชัย มีชื่อเสียงด้านการโต้วาที เจ้าของฉายา นักพูดที่ลื่นไหลไม่มีใครถามให้ติดได้ แม้เรื่องไหนไม่รู้จริงก็ตอบแถไปแถมาประหนึ่งว่ารู้จริง จนใครๆก็เรียกว่า วาทะแกว่งไปแกว่งมาประดุจปลาไหล
    
ทั้งสองสหายผู้แสวงหาโมกขธรรมได้เข้าไปมอบตัวเป็นศิษย์อยู่ระยะหนึ่ง ได้ศึกษาลัทธิของเจ้าสำนักอย่างจริงจังก็สรุปกันว่า ยังไม่ตอบโจทย์แห่งโมกขธรรมที่กำลังแสวงหาอยู่ จึงมาปรึกษากันใหม่ว่า

“เราจะต้องออกไปแสวงหาผู้ที่จะแสดงโมกขธรรมแก่พวกเราต่อไป ใครได้พบบุคคลนั้นก่อนขอให้มาบอกกันด้วย”

ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา สองสหายก็ออกเดินท่องเที่ยวตามถนนหนทางในกรุงราชคฤห์ เพื่อสังเกตว่า ใครที่จะนำตนไปสู่โมกขะ คือ ความหลุดพ้นได้
    
อยู่มาวันหนึ่ง ขณะที่หนุ่มอุปติสสะ กำลังเดินอยู่ในกรุงราชคฤห์นั้น ได้เห็นพระสมณะรูปหนึ่ง กำลังบิณฑบาตอยู่ด้วยอาการสำรวม ความเคลื่อนไหวของท่าน ไม่ว่าจะก้าวไปข้างหน้า คู้แขน เหยียดแขน ล้วนเป็นที่น่าประทับใจของผู้ที่ได้พบเห็นรวมทั้งหนุ่มอุปติสสะนี้ด้วย การบิณฑบาตของพระอริยเจ้านั้น เพื่อการยังชีพให้ดำเนินไปเหมือนการหยดน้ำมันให้รถไปต่อได้เท่านั้น เมื่อท่านได้รับอาหารพอควรการยังชีวิตให้เป็นไปแล้ว จึงหาที่สงบนั่งพิจารณาฉันอาหารด้วยความสำรวมระวังเช่นเดิม
    
หนุ่มอุปติสสะติดตามพระสมณะไปอย่างไม่ลดละ เมื่อท่านกำลังฉันก็นั่งรอด้วยความอิ่มใจ ประดุจว่ารอสิ่งสำคัญสิ่งหนึ่งในชีวิต เมื่อท่านฉันอาหารเสร็จแล้ว หนุ่มอุปติสสะจึงถือโอกาส ถวายคนโทน้ำของตนเพื่อให้ท่านได้ใช้น้ำตามที่ท่านต้องการ ท่านรับน้ำไปดื่มแล้ว ยื่นกลับมาให้หนุ่มอุปติสสะ เขาปลาบปลื้มในทานที่เขาได้ถวายในครั้งนี้มาก เมื่อเห็นว่า พระสมณะทำภัตกิจเสร็จเรียบร้อยทุกประการแล้ว จึงเข้าไปใกล้แล้วถามว่า

“ท่านสมณะ ดูหน้าตาท่านผ่องใสยิ่งนัก ท่านบวชในสำนักของใคร”
    
พระอัสสชิ จึงตอบว่า “บวชในสำนักของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ออกบวชจากศากยตระกูล”
    
หนุ่มอุปติสสะจึงถามท่านต่อไปว่า “พระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนว่าอย่างไร”
    
พระอัสสชิ เป็นพระอรหันต์แล้ว ไม่มีกิเลสเป็นเหตุโอ้อวกใดๆ จึงตอบแก่อุปติสสะไปว่า

“อาตมาบวชมายังไม่นาน ไม่สามารถแสดงธรรมของพระองค์อย่างพิสดารได้”
    
หนุ่มอุปติสสะกล่าวต่อไปว่า “ขอให้ท่านแสดงเถิด มากหรือน้อยไม่เป็นประมาณ”
    
พระอัสสชิจึงกล่าวว่า ถ้าเช่นนั้นจงตั้งใจฟังนะ

“ธรรมเหล่าใดมีเหตุเป็นแดนเกิด พระองค์ทรงแสดงเหตุแห่งธรรมและความดับแห่งธรรมเหล่านั้น พระมหาสมณะตรัสสอนแบบนี้เป็นปกติ”
    
หนุ่มอุปติสสะได้ฟังเพียงแค่นั้นก็ได้ดวงตาเห็นธรรมว่า สิ่งใดสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งปวงล้วนดับไปเป็นธรรมดา ท่านบรรลุพระโสดาบันในขณะนั้น จึงรำพึงด้วยความปลาบปลื้มว่า ธรรมเพียงแค่นี้ก็พอที่จะดับทุกข์ดับโศกให้สร่างซาลงไปได้ ไม่ได้เคยฟังสัจธรรมเช่นนี้มาเนิ่นนาน

จึงถามพระอัสสชิว่า “ขณะนี้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าประทับอยู่ที่ไหน”
    
พระอัสสชิตอบว่า “พระสัมมาสัมพุทธเจ้าประทับอยู่ที่เวฬุวัน”
    
จึงกราบเรียนพระอัสสชิว่า จะนำธรรมนี้ไปบอกเพื่อนก่อน แล้วจะไปเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่เวฬุวันด้วยกัน
    
อุปติสสะจากพระอัสสชิมุ่งไปสำนักของสัญชัยปริพาชก แล้วบอกข่าวดีแก่โกลิตะว่า บัดนี้เราได้พบโมกขธรรมแล้ว ขอเพื่อนจงตั้งใจฟังเถิด แล้วแสดงธรรมที่ได้ฟังแล้วให้เพื่อนฟัง โกลิตะฟังด้วยความตั้งใจ เมื่อฟังจบก็สว่างไสวในธรรมบรรลุโสดาบันเข้าสู่กระแสพระนิพพาน เส้นทางแห่งโมกขธรรมตามที่ปรารถนา จึงพากันไปลาสัญชัยเจ้าสำนัก
    
สัญชัย ได้ทัดทานไว้ถึงสามครั้ง สหายทั้งสองได้ชักชวนสัญชัยให้ไปเฝ้าพระพุทธเจ้าด้วยกัน สัญชัยไม่ยอมไปด้วย สุดท้ายก็ตัดพ้อด้วยความน้อยใจว่า “ใครที่ฉลาดก็ไปอยู่กับสมณโคดมเถิด เราจะอยู่กับคนโง่ๆต่อไป”
    
คำพูดของสัญชัยนี้ก็แสดงว่า รู้กิตติศัพท์ของพระพุทธเจ้าแล้วว่า มีความเฉลียวฉลาดปราดเปรื่องเพียงใด แต่มานะคือการถือตัวว่าตนเองก็เป็นหนึ่งเหมือนกัน ไม่ยอมก้มหัวให้ใคร จึงไม่ได้ฟังธรรมจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มานะว่า เราเท่ากันกับคนอื่น เป็นสังโยชน์อีกตัวหนึ่งที่ละเอียดอ่อนที่ผูกมัดสัตว์ทั้งหลายเอาไว้ในวัฏสงสาร
    
ทั้งโกลิตะและอุปติสสะเดินทางไปยังเวฬุวนารามเพื่อขอบวชกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ทรงประทานเอหิภิกขุอุปสัมปทาให้สหายทั้งสองได้ประพฤติพรหมจรรย์เพื่อทำที่สุดแห่งทุกข์ต่อไป
    
เมื่อทั้งสองได้รับการอุปสมบทจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยตรงแล้ว พระพุทธเจ้าตั้งชื่อ โกลิตะว่า พระโมคคัลลานะ ตามชื่อแม่ของท่านที่ชื่อว่า โมคคัลลี และตั้งชื่อ อุปติสสะว่า สารีบุตร ตามชื่อ แม่ของท่านที่ชื่อว่า สารี
    
ทั้งสองท่านได้บำเพ็ญเพียร อย่างยิ่งยวดเพื่อเข้าสู่วิถีแห่งอมตะดังที่มุ่งหวังเหมือนคนที่เดินหลงทางมานานบัดนี้พบแล้วว่า ทางที่แสวงหามานานปรากฏอยู่ตรงหน้าจะต้องรีบร้อนสู่จุดหมายปลายทางเบื้องหน้าโน้น เวลาผ่านไปเพียง 7 วัน พระโมคคัลลานะก็บรรลุเป็นพระอรหันต์
    
ส่วนพระสารีบุตร ผู้ทรงปัญญาบารมีเป็นที่ยิ่ง วันหนึ่งนั่งถวายงานพัด คือ นั่งพัดให้พระพุทธเจ้าในขณะที่พระองค์นั่งสนทนาธรรมอยู่กับปริพาชกคนหนึ่งที่เดินทางมาสืบข่าวพระสารีบุตร จึงเข้าไปสนทนาธรรมกับพระพุทธเจ้าจะได้ทราบว่าพระสารีบุตรที่มาจากสำนักสัญชัยปริพาชกนั้นเป็นอย่างไร
    
เมื่อพระพุทธเจ้าทรงวิสัชนาธรรมอันเกี่ยวกับการปล่อยวางความเห็นผิดและความเป็นไตรลักษณ์แห่งเวทนาที่มีทั้งชอบ ชัง ไม่ชอบ ไม่ชังจบลง พระสารีบุตรก็บรรลุพระอรหันต์ในขณะที่กำลังถวายงานพัดนั่นเอง
    
การบรรลุธรรมของพระสารีบุตรให้ข้อคิดแก่ผู้ใฝ่ธรรมว่า ทำงานไปฟังธรรมไปก็บรรลุธรรมได้เหมือนกัน เมื่อจิตใจมีสติ มีสมาธิสมบูรณ์ ปัญญาก็สว่างไสวขึ้นมาทันที
    
ต่อมาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ประกาศแต่งตั้งพระสารีบุตรเป็นพระอัครสาวกเบื้องขวา ผู้ทรงปัญญาเป็นเลิศ และแต่งตั้งพระโมคคัลลานะ เป็นพระอัครสาวกเบื้องซ้ายผู้ทรงฤทธิ์อย่างสูงส่ง
    
พระอัครสาวกทั้งสอง ได้พบทางแห่งความไม่ตาย ได้เดินทางสู่โมกขธรรม คือพระนิพพาน อันไม่มีการเกิดและการตายอีกต่อไป ความทุกข์ทั้งหลายที่มีมากับการเกิด แก่เจ็บ ตาย ก็มิได้มีอีกต่อไป
    
ขอความสุขกายสบายใจจงบังเกิดขึ้นแก่ท่านทั้งหลายที่ได้รับทราบปฏิปทาของพระอริยเจ้าทั้งสองนี้ด้วยกันทุกท่านทุกคนเถิด

25 สิงหาคม 2561 เวลา 5.37 น.
วัดพุทธปัญญา เมืองโพโมน่า รัฐแคลิฟอร์เนีย

    

 




นำเสนอข่าวโดย : ภาณุพล รักแต่งาม,
แหล่งที่มาข่าวโดย : สยามทาวน์ยูเอส
12-07-2022 บันทึกไว้สมัยเรียนบาลี : ตอนที่ 50 สุดทางสายบาลี (0/2824) 
06-07-2022 บันทึกไว้สมัยเรียนบาลี : ตอนที่ 49 ฝึกฝนตนที่วัดชลประทานรังสฤษฎ์ (0/656) 
28-06-2022 บันทึกไว้สมัยเรียนบาลี : ตอนที่ 48 สอบได้แต่แม่เสีย (0/622) 
20-06-2022 บันทึกไว้สมัยเรียนบาลี : ตอนที่ 47 สอบเปรียญธรรม 7 ประโยคได้ (0/687) 
07-06-2022 บันทึกไว้สมัยเรียนบาลี : ตอนที่ 46 กราบหลวงพ่อปัญญานันทะ (0/676) 

แสดงความคิดเห็น

Name :

Detail :




ฉบับที่
599
siamtownus newspaper








Hots Clip VDO ดูทั้งหมด

ขออภัยสัญญาณ VDO มีปัญหากำลังดำเนินการแก้ไข