เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2018 นิวยอร์คไทมส์ สื่อใหญ่แห่งฝั่งตะวันออกของอเมริกา และบรรดาเว็บไซต์เกี่ยวกับอาหารหลายแห่ง รวมถึง อีสเตอร์แอลเอ เสนอข่าวว่าร้านอาหารไทยชื่อดัง “ป๊อกป๊อก นิวยอร์ค” ร้านอาหารยอดเยี่ยมรางวัล Michelin Star ปี 2016 ในบรูคลีน นิวยอร์ค กำลังจะปิดตัวลงในอีกไม่กี่วันข้างหน้า โดยบอกว่าบรรดานักชิม หรือ foodies มีเวลาเหลืออีกไม่กี่วันในการไปลิ้มรสอาหาหารไทยจากร้านที่ได้ชื่อว่า “ป็อปปูล่าร์” ที่สุดร้านหนึ่งของเมืองบรูคลีน
ข่าวบอกว่า แอนดี้ ริกเกอร์ เชฟอาหารไทยชื่อดัง เจ้าของร้านป๊อกป๊อก นิวยอร์ค กำหนดปิดประตูร้านซึ่งอยู่บนถนนโคลัมเบีย ในวอเตอร์ฟรอนท์ ดีสทริค เป็นการถาวรในวันที่ 2 กันยายน ที่จะถึงนี้ หลังจากเปิดให้บริการมานานกว่าหกปี โดยบอกว่ามีเหตุผลหลายๆ อย่าง เช่นค่าเช่าร้านที่ขึ้นราคาจนทำให้กำไรลดน้อยลง ขณะที่ผู้จัดการส่วนตัวของเขา ชื่อ วาเลอรี โดเซียร์ ที่เคยช่วยดูแลกิจการร้านอาหารทุกแห่งของเขา ได้ตัดสินใจเปลี่ยนสายงานไปสู่วงการภาพยนตร์ ทำให้เขาขาดผู้ช่วยคนสำคัญไป
นอกจากนี้ แอนดี้ ริกเกอร์ ยังบอกด้วยว่า เขตวอเตอร์ฟรอนท์ ซึ่งเป็นย่านร้านอาหารหรูๆ ของ บรูคลีน มีความเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม และไม่ได้เป็น ศูนย์รวมของความคึกคักเหมือนตอนที่เขาเปิดร้านป๊อกป๊อกใหม่ๆ ซึ่งตอนนั้นกระแสอาหารไทยกำลังเติบโตอย่างสวยงาม ด้วยร้านอาหารดีๆ อย่าง Uncle Boons, Somtum Der และ Ugly Baby เป็นต้น
ข่าวบอกว่าข่าวการปิดร้าน ป๊อกป๊อก นิวยอร์ค ทำให้ลูกค้าประจำหลายคนบอกว่าเสียใจ ขณะที่บางคนบอกว่าเป็นความสูญเสียของวงการอาหารในบรูคลีน และนิวยอร์ค
แอนดี้ ริกเกอร์ บอกว่าเขาจะเปิด ป๊อกป๊อก วิงส์ ที่ลาส เวกัส ซึ่งอยู่ใกล้กับพอร์ทแลนด์ รัฐโอเรก้อน ซึ่งเขามีร้านอาหารให้ดูแลอีกหกแห่ง แต่เชฟอเมริกันวัย 54 ปี ผู้ได้ชื่อว่าเป็นกำลังสำคัญในการผลักดันให้เกิดกระแสความนิยมอาหารไทยในอเมริกา บอกว่าเขาอยากกลับไปใช้ชีวิตที่บ้าน จังหวัดเชียงหใม่ของเขามากกว่า การทำงานหนักและใช้ชีวิตแบบยุ่งเหยิงที่อเมริกา
ทั้งนี้ ในช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมา เชฟแอนดี้ ริกเกอร์ มีชื่อเสียงและประสบความสำเร็จอย่างสูง รวมถึงได้รับรางวัล เจมส์ เบียร์ด จากร้านป๊อกป๊อก ในเมืองพอร์ทแลนด์ รัฐโอเรก้อน ด้วย ทำให้เขาได้เดินหน้าขยายอาณาจักรร้านอาหารของเขาออกไปในนิวยอร์ค และลอส แอนเจลิส โดยทุกความเคลื่อนไหวของเขาได้กลายเป็นข่าวใหญ่ที่บรรดานักชิม หรือ foodies ทั่วประเทศให้ความสนใจ
แต่ในระยะ 2-3 ปีที่ผ่านมา เชฟแอนดี้ ริกเกอร์ ได้ทะยอยปิดร้านอาหารของเขาลงเรื่อยๆ เช่นเมื่อเดือนสิงหาคม 2016 ได้ปิดร้าน “ป๊อกป๊อก ผัดไทย” ซึ่งตั้งอยู่ในฟาร์อีสต์พลาซ่า ของไชน่าทาวน์ แอลเอ จากนั้นก็ประกาศปิด “ป๊อกป๊อก แอลเอ” ซึ่งเป็นร้านอาหารระดับไฮเอ็น ขนาด 200 ที่นั่งในไชน่าทาวน์ ของเมืองแอลเอ ในวันที่ 22 มีนาคม 2017
โดยการปิดป๊อกป๊อกทั้งสองสาขาในลอส แอนเจลิส นั้น แอนดี้ ริกเกอร์ เคยให้สัมภาษณ์ยอมรับว่า เขาวิเคราะห์สถานการณ์ผิด เพราะย่านไชน่าทาวน์ ไม่ควรเป็นที่ตั้งของร้านอาหารสไตล์หรูหรา ที่เน้นรายได้จากอาหารมื้อเย็น เพราะบริเวณนั้นจะเงียบเหงาหลังจากเวลา 19.00 น. ไปแล้ว อีกทั้งบริเวณดังกล่าวเป็นแหล่งอาหารราคาถูก ดังนั้นเมื่อเทียบราคาอาหารไทยในร้านของเขา ที่ราคาอาหารมื้อเย็น (รวมเครื่องดื่ม) จะตกประมาณ 50 ดอลลาร์ต่อคน กับร้านอาหารระดับห้าดาวในพื้นที่ ที่ราคาอาหารเย็นจะเฉลี่ยประมาณ 25-30 ดอลลาร์ต่อคนเท่านั้น
และก่อนหน้านั้น เมื่อเดือนพฤษภาคม ปี 2016 เชฟแอนดี้ ริกเกอร์ ได้ปิดร้านก๋วยเตี๋ยว “เส้นใหญ่” (Sen Yai Noodle House) บนถนน ดิวิชั่น ในเมืองพอร์ทแลนด์ รัฐโอเรก้อน โดยให้เหตุผลว่ามีการขึ้นราคาค่าเช่าร้าน ในขณะที่ยอดขายไม่เป็นไปตามเป้า โดยพูดชัดเจนว่าผู้บริโภคที่นิยมอาหารไทย มีแนวคิดฝังใจว่าอาหารไทยคืออาหารราคาถูก (cheap food) ทำให้ราคาก๋วยเตี๋ยวของเขา ซึ่งราคาเฉลี่ยระหว่าง 10-13 ดอลลาร์ต่อชาม ถูกมองว่าแพงมาก ซึ่งภาพ “ภาพลักษณ์” อาหารราคาถูกของอาหารไทย ทำให้เขาตัดสินใจเลิกร้าน แม้จะรักร้าน “เส้นใหญ” มากก็ตาม
“คนทั่วไปมีความคิดว่า อาหารเอเชีย รวมถึงอาหารพื้นเมืองชาติต่างๆ คืออาหารราคาถูก คนชอบพูดให้ได้ยินว่า ‘เวลาไปกินที่ร้านเฝอ แค่แปดดอลลาร์ จะได้จานใหญ่กว่านี้สองเท่า’ ซึ่งจะให้ผมไปแข่งกับร้านต้นทุนต่ำแบบนั้นไม่ไหว” แอนดี้ ริกเกอร์ กล่าว และว่าต้นทุนในการผลิตอาหารในร้านของเขาค่อนข้างสูง เพราะใช้ส่วนประกอบคุณภาพสูงทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม แม้จะไม่ประสบความสำเร็จกับธุรกิจร้านอาหารในระยะหลัง แต่ป๊อกป๊อก สาขาแรกในพอร์ทเลนด์ รัฐโอเก้อน ยังคงประสบความสำเร็จอย่างสูงเหมือนเดิม.