นโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่คุยฟุ้งทับถมคนอื่นว่า “อเมริกาต้องมาก่อน!” ดูเหมือนกำลังจะเป็น “อเมริกาจะตายก่อน” เพราะนโยบายกีดกันทางการค้าผิดยุค แปลงมิตรใกล้ชิด เพื่อนบ้านให้เป็นศัตรู ไม่ฟังใคร ทั้งยังดูไม่รู้เรื่องเศรษฐกิจ
ผลกระทบด้านลบเริ่มปรากฏ ผู้ผลิตสินค้าอเมริกันเริ่มมีอาการน่าห่วง! คนอเมริกันเริ่มสงสัยว่านี่หรือคือหนทางที่จะทำให้ “อเมริกายิ่งใหญ่” อีกครั้ง?
การประกาศสงครามทางการค้า นโยบายลมพัดลมเพ อารมณ์ผีเข้าผีออก เปลี่ยนไปแบบขวางโลก ทำให้ทรัมป์กลายเป็นที่เกลียดชังเพราะได้สร้างปัญหาความไม่แน่นอนต่อทิศทางเศรษฐกิจ การเมือง รวมทั้งสังคมในการอยู่ร่วมกันแบบสันติ
เอาเพียงแค่นโยบายพรากพ่อแม่จากลูกเพื่อต้องการกีดกันผู้ลี้ภัย ผู้อพยพ ทำอย่างไร้มนุษยธรรม ได้รับการประณามทั่วโลก ทรัมป์ก็ยังทำ ทั้งดื้อดันจนกระทั่งเมียและลูกไม่เอาด้วย จึงยอมผ่อนปรน ถึงกระนั้นก็เสียหายต่อเกียรติภูมิของสหรัฐฯ
ทรัมป์โดนประณามเรื่องการถอนตัวจากข้อตกลงรณรงค์ต่อต้านภาวะโลกร้อน สวนกระแสโลก ถอนตัวจากข้อตกลงด้านอาวุธนิวเคลียร์กับอิหร่าน จนถูกสงสัยว่าเป็นเพราะนโยบายที่กว่าจะได้ข้อตกลงยากเย็นเป็นผลงานของบารัค โอบามา
อะไรที่เป็นของโอบามา ทรัมป์จ้องเปลี่ยน ทั้งๆ ที่ไม่ได้เป็นคู่ชิงประธานาธิบดี ไม่ยอมพิจารณาเหตุและผล เอาแต่อารมณ์และใจตัวเอง คนอเมริกันเริ่มฉุกคิดแล้วว่าการมีคนอย่างทรัมป์เป็นผู้นำประเทศนั้นน่าจะเป็นภัยต่อความมั่นคงมากกว่า
ดูนโยบายการตั้งกำแพงภาษีสินค้าเหล็กและอะลูมิเนียมจากคู่ค้า ซึ่งได้แปรเปลี่ยนเป็นคู่แค้น และคู่แข่งไปแล้ว ทรัมป์ทำไปโดยไม่คำนึงว่าเมื่อตัวเองทำเขาได้ เขาก็ไม่งอมืองอเท้า ตอบโต้เอาแบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน ไม่มีใครยอมใครทั้งนั้น
อเมริกาไม่ได้เป็นเจ้าโลกทางการค้าและการทหาร ไปเล่นงานใครก็ได้ โลกได้เปลี่ยนไป ขณะที่ทรัมป์ยังมองว่าคู่ค้าทุกประเทศจ้องเอาเปรียบสหรัฐฯ โดยไม่คิดว่าก่อนหน้านี้สหรัฐฯ ได้ครองตลาดโลกด้วยสินค้าหลายชนิด จนประเทศอื่นผลิตได้
ทั้งยังผลิตสินค้าด้วยคุณภาพเหนือกว่า ราคาถูกกว่า ถูกใจผู้บริโภคชาวอเมริกัน ทำให้แห่ซื้อจากต่างประเทศ ถ้าสินค้าไม่เอาไหน คนอเมริกันไม่ซื้อแน่ แต่ที่ต้องซื้อเพราะราคาย่อมเยากว่า ทันสมัย ไม่เรื่องมาก ขั้นตอนไม่มากและสะดวกกว่า
ทันทีที่ทรัมป์ตั้งกำแพงภาษีสินค้าเหล็กและอะลูมิเนียม ประเทศอื่นๆ ก็ตอบโต้แบบเจ็บ ทรัมป์ไม่เจ็บ แต่ผู้ผลิตสินค้าชาวอเมริกันเจ็บแต่พูดไม่ออก เพราะเป็นนโยบายรัฐบาล การเมืองระบอบประธานาธิบดีทำให้ทรัมป์ย่ามใจ ออกคำสั่งเอง
ขณะนี้ผู้ผลิตสินค้าอเมริกันกำลังดิ้นรนหาทางออก มอเตอร์ไซค์ยี่ห้อดัง ฮาร์เลย์ เดวิดสัน เป็นเหยื่อของมาตรการตอบโต้สหรัฐฯ โดยยุโรป ขึ้นภาษีเช่นกัน ทำให้บริษัทฮาร์เลย์หาทางไปตั้งโรงงานผลิตนอกสหรัฐฯ ทรัมป์แค้นหนัก ขู่จะเก็บภาษี
ทรัมป์ไม่คิดว่าโรงงานต่างๆ ในสหรัฐฯ จะได้รับผลกระทบ ขณะที่ตัวเองอวดเก่ง!
เท่ากับว่าฮาร์เลย์ เดวิดสัน มีแหล่งผลิตในต่างประเทศเพื่อให้ราคาสู้ในตลาดได้ ถ้าคนซื้อนำเข้าสหรัฐฯ ต้องจ่ายแพงกว่าเดิม และมีข่าวว่าโรงงานฮาร์เลย์ได้ย้ายมาผลิตในไทย เหมือนกับยี่ห้ออื่นๆ จากยุโรปและญี่ปุ่น รวมทั้งไทรอัมพ์จากอังกฤษ
ทรัมป์คิดเพียงแต่ว่าอำนาจของตัวเองทำให้ชาติอื่นต้องยอมรับ ยอมสยบ เมื่อจีนลดการนำเข้าถั่วเหลืองจากสหรัฐฯ ตั้งกำแพงภาษีตอบโต้บ้าง ทำให้การส่งออกถั่วเหลืองไปจีนตกฮวบฮาบ คนปลูกถั่วเหลืองและสินค้าเกษตรอื่นๆ ได้แต่รอวันหายนะ
เหล้ายี่ห้อดัง แจ็ค แดเนียลส์ ที่ขายได้ทั่วโลก กำลังเผชิญกำแพงภาษีในยุโรป ยอดขายมีผลกระทบ แต่ทรัมป์ยังดึงดันนโยบาย “อเมริกาต้องมาก่อน” บริษัทผู้ผลิตตะปูรายใหญ่ที่สุด มิด-คอนติเนนตัล เนล เริ่มลดจำนวนคนงานเพราะยอดขายตก
ผลกระทบด้านลบต่างๆ เหล่านี้ ทรัมป์ไม่ใส่ใจ ไม่มองว่าโลกเปลี่ยนไปมากแล้ว การผลิตต่างๆ มีความเชื่อมโยงกันในด้านวัตถุดิบและการลงทุนข้ามชาติ เมื่อทรัมป์ตั้งกำแพงภาษี ทำให้สินค้านำเข้าแพงขึ้น สินค้าผลิตในประเทศขายไม่ออก
ทรัมป์เป็นพ่อค้าก็จริง แต่ไม่เคยมีประสบการณ์การขายสินค้าอุตสาหกรรม เป็นนักลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ เมื่อกาสิโนที่แอตแลนติกซิตี้ “ทรัมป์ ทัชมาฮาล” พับฐานไม่เป็นท่า ธุรกิจอื่นๆ เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูหลังจากประกาศล้มละลาย
นโยบายจัดการปัญหาการค้าขาดดุล เสียเปรียบประเทศคู่ค้าอื่นๆ ทรัมป์ไม่คิดใช้วิธีการเจรจาหาทางออกร่วมกัน แต่ใช้วิธีเหมือน “เอาค้อนเหล็กทุบแมลงวัน” ซึ่งไม่ได้ผล ยังทำให้เสียเพื่อน สร้างปัญหา ความปั่นป่วนในวงการค้าเศรษฐกิจโลก
การตอบโต้โดยชาติอื่นๆ มุ่งเล่นงานจุดสำคัญต่อคะแนนเสียงของทรัมป์ เช่นเกษตรกร ผู้ผลิตสินค้าอุตสาหกรรมประเทศคู่ค้าจับมือกันสร้างข้อตกลงเครือข่ายเองโดยไม่ง้อสหรัฐฯ โดยเฉพาะข้อตกลงการค้าพันธมิตรในย่านแปซิฟิก ที่ทรัมป์ถอนตัว
ทรัมป์เข้ารับตำแหน่งในช่วงที่เศรษฐกิจยังอยู่ในช่วงขาขึ้น ตัวเองรับผลดีเต็มๆ แต่ถ้านโยบายกีดกันการค้า กำแพงภาษี สร้างปัญหา ทรัมป์ต้องรับเละคนเดียว วงการตลาดหุ้นวอลล์สตรีทเริ่มกังวลว่านโยบายของทรัมป์จะทำให้เศรษฐกิจถดถอย
การทะเลาะกับแคนาดา เพื่อนที่แสนดี และเม็กซิโก ทำให้สหรัฐฯ โดนขนาบทั้งด้านเหนือและใต้ สถานภาพผู้นำของทรัมป์ถูกลูบคมโดยนักการเมืองอายุน้อยคราวลูก คือนายกรัฐมนตรีแคนาดา จัสติน ทรูโด และคิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ
จากนี้ไป ทรัมป์จะเหลือเพื่อนสักกี่คน มีเพียงอิสราเอลหนึ่งเดียวก็ดูเยอะแล้ว!
มี “ทรัมป์” เป็นผู้นำประเทศ สหรัฐอเมริกาไม่ต้องมีศัตรูอื่นๆ ก็เต็มกลืน!