ข่าวคนไทยในอเมริกา
ศาลห้ามแยกบ้านผู้อพยพ ให้เด็กพบพ่อแม่ใน30วัน





แอลเอ (สยามทาวน์ยูเอส) : ผู้พิพากษาศาลสหรัฐ สั่งห้ามไม่ให้อิมมิเกรชั่นแยกลูกผู้อพยพที่หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายออกจากพ่อแม่ และจัดการให้ครอบครัวที่พลัดพรากได้พบกันภายใน 30 วัน หรือเพียง 14 วันหากเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ


ดานา ซาบรอว์ ผู้พิพากษาศาลแขวงสหรัฐในเมืองซานดิเอโก ระบุในคำพิพากษาคดีความที่เกี่ยวข้องกับประเด็นเรื่องผู้อพยพเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2018 ว่า รัฐบาลไม่ได้เตรียมการรับมือกับผลกระทบที่จะตามมาจากนโยบาย "ความอดทนเป็นศูนย์" (zero tolerance) ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งสั่งให้ทางการดำเนินคดีกับผู้ที่หลบหนีเข้าเมืองแบบผิดกฎหมาย โดยต้องแยกลูกๆ ของบรรดาผู้อพยพเหล่านั้นออกจากพ่อแม่

ผู้พิพากษาให้เหตุผลว่า มาตรการดังกล่าวไม่ได้ระบุถึงการสื่อสารระหว่างหน่วยงานที่มีหน้าที่ในการกักขังผู้อพยพ กับหน่วยงานที่ดูแลเด็กๆ หรือมีการเตรียมพร้อมสำหรับการติดต่อสื่อสารระหว่างพ่อแม่และเด็กๆที่ถูกแยกออกจากกัน อีกทั้งยังไม่มีแผนการใดๆ ที่จะทำให้ครอบครัวที่ถูกแยกจากกันได้กลับมารวมกันเลย

ซาบรอว์ระบุว่า แม้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะลงนามในคำสั่งประธานาธิบดีเพื่อให้ครอบครัวของผู้อพยพเข้าสหรัฐโดยผิดกฎหมายสามารถอยู่ด้วยกันระหว่างที่ถูกกักตัวบริเวณชายแดนสหรัฐ-เม็กซิโกไปตั้งแต่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แต่ศาลก็ยังจำเป็นต้องออกคำสั่งดังกล่าว เนื่องจากคำสั่งที่ประธานาธิบดีได้ลงนามไปนั้นระบุไว้เพียงว่าจะนำเด็กๆมาคืนพ่อแม่เมื่อถูกขับออกจากประเทศเท่านั้น

ดังนั้น ผู้พิพากษาซึ่งมาจากการแต่งตั้งของประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ท่านนี้ จึงสั่งให้เจ้าหน้าของสำนักงานอิมมิเกรชั่น จัดการให้ครอบครัวที่ถูกพรากออกจากการจำนวนกว่า 2,300 คนได้กลับมาอยู่ร่วมกันภายในเวลา 30 วัน หรือหากในกรณีที่เด็กมีอายุต่ำกว่า 5 ขวบ ให้เร่งดำเนินการภายใน 14 วัน อีกทั้งจะต้องจัดการให้พ่อแม่ได้คุยโทรศัพท์กับลูกๆ ภายในเวลา 10 วันด้วย

คำสั่งศาลดังกล่าว ไม่ได้เป็นเรื่องเดียวที่สร้างความผิดหวังให้ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่กำลังใช้นโยบาย “แข็งกร้าว” จัดการกับปัญหาการเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย เพราะในวันต่อมา คือในวันที่ 27 มิถุนายน สภาผู้แทนราษฎร ได้ลงมติคว่ำร่างกฎหมายคนเข้าเมืองของพรรครีพับลิกัน โดยไม่สนคำวิงวอนของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในนาทีสุดท้ายก่อนที่สภาล่างจะเริ่มต้นพิจารณา

ทั้งนี้ สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติคัดค้านร่างกฎหมายฉบับนี้ ด้วยคะแนนเสียง 301-121 โดยผู้ที่ลงคะแนนเสียงคัดค้านเป็นสมาชิกพรรคเดโมแครตทั้งหมด ขณะที่สมาชิกพรรครีพับลิกันหลายสิบคนลงคะแนนเสียงคัดค้านเช่นกัน

ก่อนหน้านั้น ระหว่างการประชุมภายในของพรรครีพับกัน เมื่อค่ำวันอังคารที่ 26 มิถุนายน สมาชิกพรรครีพับลิกันจำนวนมาก ได้พยายามกดดันให้ประธานาธิบดีทรัมป์ ยกเลิกนโยบาย “ความอดทนเป็นศูนย์” ซึ่งส่งผลให้มีการแยกเด็กอพยพกว่า 2,300 คนออกจากครอบครัวในช่วงระยะเวลาไม่ถึง 2 เดือน ซึ่งข่าวบอกว่าประธานาธิบดีทรัมป์ ได้กล่าวเห็นด้วยว่า เป็นเรื่องที่ร้ายแรง และจะต้องดูแล แต่ไม่ได้ระบุให้ชัดเจนว่าจะดูแลอย่างไร

นายมาร์ค มีโดวส์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากรัฐนอร์ธ แคโรไลนา สังกัดพรรครีพับลิกันกล่าวว่า เขาจะสนับสนุนประธานาธิบดีทรัมป์อย่างแน่นอน แต่ประธานาธิบดีทรัมป์ ก็ควรให้การสนับสนุนรัฐนอร์ธ แคโรไลนา ด้วยเช่นกัน" พร้อมกล่าวถึงประเด็นผู้อพยพว่า ต้องอาศัยการร่วมมือกันจึงจะประสบความสำเร็จ

อย่างไรก็ตาม ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ยังคง “ข่าวดี” สำหรับประธานาธิบดีทรัมป์ ด้วยเช่นกัน กล่าวคือเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน ศาลฎีกาสหรัฐฯ มีคำตัดสินเห็นพ้องกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในการออกคำสั่งห้ามชาวมุสลิมจากบางประเทศเดินทางเข้าสู่สหรัฐฯ โดยมีคะแนนเสียง 5-4 ว่า คำสั่งของประธานาธิบดีทรัมป์ เกี่ยวกับนโยบายจำกัดคนเข้าเมือง อยู่ภายในขอบเขตอำนาจของประธานาธิบดี

ทั้งนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ออกคำสั่งประธานาธิบดีในเดือนกันยายน ปีที่แล้วในการสั่งห้ามพลเมืองจากอิหร่าน ซีเรีย ลิเบีย โซมาเลีย เยเมน เกาหลีเหนือ และเวเนซุเอลา เดินทางเข้าสู่สหรัฐ โดยอ้างเหตุผลด้านความมั่นคง และเรื่องนี้ขึ้นสู่ศาลฎีกา หลังจากที่รัฐฮาวาย ยื่นต่อศาลว่าคำสั่งดังกล่าวของประธานาธิบดีทรัมป์ มีแรงจูงใจจากความมุ่งร้ายในทางศาสนา

หลังจากทราบผลการตัดสินของศาลฎีกา ประธานาธิบดีทรัมป์ ได้กล่าวว่า คำตัดสินดังกล่าว คือชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ อีกทั้งยังเป็นบทพิสูจน์ถึงความถูกต้องของเขาอีกด้วย.

 




นำเสนอข่าวโดย : ภาณุพล รักแต่งาม,
แหล่งที่มาข่าวโดย : สยามทาวน์ยูเอส

แสดงความคิดเห็น

Name :

Detail :




ฉบับที่
597
siamtownus newspaper








Hots Clip VDO ดูทั้งหมด

ขออภัยสัญญาณ VDO มีปัญหากำลังดำเนินการแก้ไข