ความสำคัญของวันวิสาขบูชา เป็นวันคล้ายวันพระพุทธเจ้าประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน พุทธศาสนิกชนทั้งหลายระลึกถึงวันสำคัญนี้ด้วยการร่วมกันกระทำการบูชาพระองค์อย่างกว้างขวางยิ่งใหญ่
พระพุทธเจ้ามีพระคุณเป็นอเนกอนันต์ ในวันสำคัญเช่นนี้จักระลึกถึงพระพุทธคุณที่สำคัญอันใกล้ชิดชีวิตจิตใจเสมอ เพื่อเป็นกำลังใจ เป็นทิศทาง เป็นแสงสว่างนำทางชีวิตสู่สันติสุขทั้งปัจจุบันและอนาคต
1 พระพุทธเจ้าทรงตรัสย้ำบ่อยๆ ว่า “ตถาคตอุบัติขึ้นมาในโลก เพื่อประโยชน์และความสุขของชนเป็นอันมาก” พระดำรัสนี้ชี้ให้เห็นว่า มนุษย์เกิดมาจะมีคุณค่าต้องทำประโยชน์แก่ผู้อื่นให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
2. พระพุทธเจ้าได้ตรัสให้มนุษย์ใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่า โดยต้องบำเพ็ญประโยชน์เพื่อตนและเพื่อผู้อื่นไปพร้อมๆ กัน ดั่งที่ตรัสไว้ว่า “เธอทั้งหลายจงยังประโยชน์ตนและประโยชน์ผู้อื่นให้ถึงพร้อมเถิด”
3. พระพุทธเจ้าทรงตรัสบอกภารกิจของพระสงฆ์ไว้ว่า “เธอทั้งหลายจงจาริกไป จงประกาศพรหมจรรย์ งามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง และงามในที่สุด” พรหมจรรย์ คือ ศีล สมาธิ และปัญญา ข้อปฏิบัติเพื่อพัฒนาชีวิตให้พ้นจากทุกข์สิ้นเชิง
4. พระพุทธเจ้าทรงเป็นบรมครู คือ ครูเหนือครูผู้ใด ด้วยทรงอุทิศพระองค์ในการสอนแต่ละวันไม่น้อยกว่าวันละ 15 ชั่วโมง โดยมิได้รับค่าตอบแทนในการสอนแต่อย่างใด จนกระทั่งวาระสุดท้ายแห่งพระชนม์ชีพ ก่อนเอนพระวรกายลงดับขันธปรินิพพานก็ยังคงสอนบทธรรมบทสุดท้ายว่า “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สังขารทั้งหลาย มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา ท่านทั้งหลายจงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิด”
5. พระพุทธเจ้าทรงเคารพหลักการมากกว่าบุคคล พระองค์ตรัสว่า “พระธรรมเป็นอมตะ มีอยู่คู่โลกตลอดไป ตถาคตเพียงผู้มาเปิดเผยและแสดงพระธรรม ตถาคตเคารพพระธรรม ยกพระธรรมเป็นสิ่งสูงสุด” แม้เวลาที่พระองค์ดับขันธปรินิพพาน พระอานนท์ทูลถามว่า
“จะให้นับถือผู้ใดเป็นศาสดาแทนพระองค์”
พระองค์ไม่ทรงตั้งศาสนทายาทใดๆ แต่พระองค์ตรัสว่า
“ธรรมะและวินัยที่ตถาคตแสดงแล้ว บัญญัติไว้แล้ว จะเป็นศาสดาของเธอทั้งหลาย”
6. พระพุทธเจ้า เป็นพระศาสดาที่ทรงมีพระเมตตาแก่สัตว์ทั้งหลาย ไม่มีที่สุด ไม่มีประมาณ ทรงแสดงธรรมอันเหมาะสมกับอัธยาศัยของผู้ฟัง จนกระทั่งผู้ที่ฟังธรรมต่อหน้าพระพักตร์ของพระองค์ตั้งอยู่ในมรรคผลนิพพานจำนวนนับไม่ถ้วน ถึงแม้จะไม่เข้าถึงมรรคผลนิพพานแต่ก็ได้พบความสงบ อันเป็นพื้นฐานที่จะนำชีวิตเข้าสู่ความสุขได้อีกจำนวนมาก
7. พระพุทธเจ้าทรงเป็นต้นแบบของผู้พากเพียรที่ใช้ความเพียรจนได้รับประโยชน์ตนสูงสุด คือ พระนิพพาน ดับเพลิงกิเลส เพลิงทุกข์ได้หมดสิ้น และทรงบำเพ็ญประโยชน์เพื่อผู้อื่นด้วยความพากเพียรยิ่ง
8. พระพุทธเจ้าเป็นพระศาสดาที่ทรงพระกรุณาและทรงไว้ซึ่งพระปัญญาอันสูงส่ง มีพระหฤทัยใสบริสุทธิ์ ทรงยืนยันและทรงสอนให้มนุษย์และสัตว์ต้องรักกัน เพราะต่างก็เกิดมามีความทุกข์ตามธรรมชาติจากความ เกิด แก่ เจ็บ และตายติดตัวมาแล้ว สิ่งที่มนุษย์และสัตว์พึงปฏิบัติต่อกันคือ ต้องรักกันแบบไร้เงื่อนไข ไร้พลังขับใสแห่งความเกลียดชัง
9. พระพุทธเจ้าทรงสอนให้มนุษย์ไม่เบียดเบียนกัน อดทนต่อการกระทบกระทั่ง ทรงสอนความอดทน คือ วิถีแห่งการพัฒนาตน และเป็นวิถีแห่งการอยู่ร่วมกันด้วยสันติในหมู่มนุษย์ที่มีความแตกต่างกัน
10.พระพุทธเจ้า คือ มนุษย์ผู้มีโชคและเป็นผู้นำโชค มนุษย์ทุกคนหากมีความสุขจะกล่าวว่าตนมีโชค พระพุทธเจ้าเข้าถึงพระนิพพาน อันเป็นบรมสุข คือ เข้าถึงความเป็นผู้มีโชคสูงสุด เมื่อพระองค์ทรงมีโชคแล้ว มิได้เก็บความโชคดีไว้เพียงพระองค์เดียว แต่แจกจ่ายโชค คือ ความสุขอันปราศจากการแผดเผาบีบคั้นแห่งกิเลสตลอดพระชนม์ชีพ พระองค์จึงทรงเป็นผู้มีโชคและเป็นผู้นำโชคแก่เพื่อนมนุษย์ในทุกมิติแห่งกาลเวลา
ในวาระวันวิสาขบูชาเวียนมาถึงอีกครั้ง ขอเชิญพุทธศาสนิกชนได้นำเอาพระพุทธคุณที่ซาบซึ้งตรึงใจมาทบทวนพิจารณา จะเป็นการเพิ่มพลังใจ เพิ่มสันติสุขให้แก่ตนเองและผู้อื่นได้เป็นอย่างดี ในวาระวันสำคัญยิ่งนี้ อาตมาขอส่งความปรารถนาดีแก่ท่านผู้อ่านทุกท่าน ขอท่านผู้อ่านทุกท่านจงเข้าถึงธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อันเป็นบ่อเกิดแห่งสันติสุขทุกถ้วนหน้า ตามสมควรแก่ธรรมที่ได้ปฏิบัติแล้ว และเห็นแจ้งแล้วทุกท่านทุกคนเทอญ
วันที่ 20 พฤษภาคม 2561 เวลา 6.03 น.
วัดพุทธปัญญา เมืองโพโมน่า รัฐแคลิฟอร์เนีย