สำนักข่าวเอเอฟพีและรอยเตอร์รายงานว่า เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม คณะเจรจาการค้าของจีนซึ่งนำโดยรองนายกรัฐมนตรีหลิว เฮ่อ ออกแถลงการณ์ร่วมกับคณะเจรจาของสหรัฐอเมริกา ที่นำโดยนายสตีฟ มนูชิน รัฐมนตรีคลัง, นายวิลเบอร์ รอส รัฐมนตรีพาณิชย์ หลังเสร็จสิ้นการเจรจาการค้าต่อเนื่องเป็นเวลา 2 วันในกรุงวอชิงตันในวันเดียวกันนี้ ซึ่งเป็นการเจรจาต่อเนื่องจากการเจรจาต่อรองก่อนหน้านี้ซึ่งมีขึ้นในกรุงปักกิ่ง ทั้งนี้ตามแถลงการณ์ร่วมดังกล่าว จีนตกลงที่จะเพิ่้มปริมาณการนำเข้าสินค้าและการบริการเพิ่มมากขึ้นในระดับที่มีนัยสำคัญ เพื่อลดช่องว่างการขาดดุลการค้าที่สหรัฐอเมริกามีต่อจีนสูงถึงปีละ 335,000 ล้านดอลลาร์ลง


อย่างไรก็ตามในถ้อยแถลงไม่ได้ระบุรายละเอียดของมาตรการเพิ่มการนำเข้าของจีนดังกล่าว ไม่ได้พูดถึงการขึ้นกำแพงภาษีนำเข้าที่เคยประกาศเอาไว้ และไม่ได้พูดถึงตัวเลขเป้าหมาย 200,000 ล้านดอลลาร์ซึ่งเดิมถูกกำหนดเป็นเงื่อนไขสำคัญให้จีนต้องลดการขาดดุลลงให้ได้ภายในปี 2563 นี้ นอกจากนั้นยังเอ่ยถึงประเด็นเรื่องสิทธิทรัพย์สินทางปัญญา ที่เป็นข้ออ้างหลักของสหรัฐอเมริกาไว้คลุมเครือมาก เพียงระบุว่า ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันถึงความสำคัญใหญ่หลวงยิ่งของการให้ความคุ้มครองสิทธิทรัพย์สินทางปัญฯา โดยจีนพร้อมที่จะปรับปรุงแก้ไขกฎหมายและกฏระเบียบต่างๆที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ โดยเฉพาะกฎหมายสิทธิบัตร และไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องการกำหนดเงื่อนไขที่เป็นการบีบบังคับให้มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีไว้แต่อย่างใด


หลังเสร็จสิ้นการเจรจา สำนักข่าวซินหัวของทางการจีนรายงานเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคมว่า แถลงการณ์ร่วมดังกล่าวแสดงว่ารัฐบาลของทั้งสองประเทศร่วมกันประกาศที่จะไม่ทำสงครามการค้าซึ่งกันและกัน และพยายามหาทางออกให้กับประเด็นทางการค้าที่ต่างฝ่ายต่างกังวลด้วยการดำเนินการที่เป็นไปได้และสอดคล้องกับความเป็นจริง และชี้ด้วยว่า ทางการวอชิงตันและปักกิ่งเห็นพ้องกันในการสร้างเงื่อนไขที่ดีในอันที่จะเพิ่พูนการค้าซึ่งกันและกันทั้งในแง่ของสินค้าและบริการระหว่างสองประเทศ นอกจากนั้นยังตีพิมพ์บทความแสดงความคิดเห็นระบุว่า ความตกลงดังกล่าวถือเป็นตัวอย่างที่ดีของความตกลงที่ต่างฝ่ายต่างได้ประโยชน์ เนื่องจากสหรัฐอเมริกาเองสามารถลดการขาดดุลลงได้ในขณะที่จีนก็สามารถสร้างความหลากหลายและยกระดับคุณภาพของสินค้านำเข้าของตนไปด้วยพร้อมๆกัน