ดูโลก ดูธรรม และดูใจ
โดย ดร.พระมหาจรรยา สุทธิญาโณ เจ้าอาวาสวัดพุทธปัญญา
เปลี่ยนเสียงด่า เป็น เสียงบอกบุญ





อุบาสิกาท่านหนึ่ง มีธุรกิจส่วนตัวต้องทำงานติดต่อประสานงานกับคนมากมายหลายแบบ การทำงานกับคนหมู่มาก มีความเห็นแตกต่างหลากหลาย ต่างคนต่างมีความเห็นมีแนวทางการทำงานเป็นของตน การปรับความคิดให้ตรงกับงานหลายๆชนิดจึงเป็นไปด้วยความยากลำบาก จากความขัดแย้งน้อยๆ ค่อยๆบานปลายเติบโตมาก จนบางครั้งต้องใช้ถ้อยคำรุนแรงและบริภาษาด่าทอกัน ปัญหาของเธอจึงมีว่า เมื่อเขาด่าเราบ่อยๆจะตั้งรับอย่างไรเพื่อให้สถานการณ์นั้นๆเป็นไปด้วยความราบรื่น


คำถามของเธอ เป็นคำถามที่หลายๆคนอาจจะเคยเจอกันมา และหากเจอสถานการณ์แบบนี้บ่อยๆจะพบกับควาเครียดได้ง่าย เมื่อความเครียดสะสมมากขึ้น เกินความอดทนที่จะจำกัดไว้ได้ จะกลายเป็นความเกรี้ยวกราดก้าวร้าวและเป็นสงครามย่อยๆกันไป การทำงานในสถานการณ์แบบนี้มีความกดดันสูงและหาความสุขจากการทำงานได้ยากเต็มที

เมื่อเธอถามมา อาตมาก็ลองคิดตอบเธอดู ส่วนว่า คำตอบนี้จะแก้ปัญหาที่ต้องเผชิญหน้าอยู่ได้มากน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของเธอ

ในฐานะที่เป็นพระสงฆ์ ซึ่งปัจจุบันนี้ก็มักจะถูกด่าแบบเหมาเข่งบ่อยๆ โดยเฉพาะทางโซเชี่ยลมีเดีย ที่ส่งเสียงด่ามาทั้งภาพและเสียงอยู่ไม่ได้ขาด จึงเริ่มคุ้นเคยกับเสียงก่นด่าเหล่านี้แล้วเริ่มรับมือได้ โดยใช้มาตรการต่างๆดังนี้

1 กำจัดจุดอ่อน บุคคลแต่ละคนย่อมมีข้อดีข้อด้อยแตกต่างกัน ทุกครั้งที่มีคนนินทาว่า กล่าว ว่าเรามีข้อบกพร่องอย่างนั้นอย่างนี้ ก็นำเอาเสียงนั้นมาพิจารณาว่า เป็นอย่างที่เขาบริภาษมาหรือไม่ ถ้ามีข้อบกพร่องที่พอจะแก้ไขได้  ก็พิจารณาต่อไปว่า จะแก้ไขได้อย่างไรบ้าง หากพบว่า ข้อกล่าวหานั้นพอจะแก้ไขให้ผู้กล่าวหาพอใจและไม่ผิดกฎหมายไม่ผิดศีลธรรมอันดี มีประโยชน์ต่อองค์กรที่ทำงานร่วมกัน ก็ควรจะแก้ไขข้อบกพร่องเหล่านั้น

2 เมื่อพิจารณาคำครหาด่าทอบริภาษเหล่านั้นว่า ไม่มีมูลความจริง หน้าที่ที่ตนทำนั้นสมบูรณ์ไม่มีช่องทางใดบกพร่องที่จะต้องแก้ไข ก็หาโอกาสทำความเข้าใจถึงความสมบูรณ์ที่มีอยู่แล้ว หรือ ข้อจำกัดที่ต้องเผชิญร่วมกันที่แก้ไขอะไรไม่ได้ แม้ยังไม่เข้าใจก็พยายามหาทางและหาวิธีอธิบายเรื่อยไปไม่ยอมหยุดนิ่ง จนกว่าจะทำความเข้าใจกันได้

3 เปลี่ยนปัญหาเป็นสติปัญญา เรื่องราวบางเรื่องที่คู่กรณีข้องใจ อาจจะเป็นเรื่องลึกซึ้งซับซ้อนจนเกินไป ต้องพยายามใช้สติบอกตนเองเป็นเบื้องต้นก่อนเสมอว่า ต้องใช้ความจริงเป็นเครื่องมือในการทำความเข้าใจ ไม่ใช้ความรู้สึกอคติเป็นฐานแห่งการทำความเข้าใจ เพราะถ้าตั้งหลักตั้งใจได้ดีแล้ว ปัญญา คือ ความสามารถในการหาทางออกจากเรื่องนั้นจะเริ่มเจิดจ้าและเพิ่มพูนขึ้นตามลำดับจนกระทั่งข้อมูลและความจริงต่างๆครบถ้วนรอบด้าน เขาจะเข้าใจ และเสียงด่าบริภาษาของเขาก็จะค่อยเบาบางจางลงและยุติไปอย่าสนิทยั่งยืน

4 เปลี่ยนเสียงด่าเป็นเสียงบอกบุญ เมื่อเกิดข้อพิพาทกับใคร ได้พยายามแก้ไขไกล่เกลี่ยแล้ว แก้ปัญหาทุกอย่างครบถ้วนแล้ว แต่คู่กรณียังไม่เคยยอมรับยังเดินหน้าก่นด่าเรื่อยไป ทางออกทีดีที่สุดคือ ต้องให้อภัย เป็นการลดจำนวนผู้ก่อการร้ายทางปากให้ลดน้อยลง ต้องตั้งสติไว้เสมอว่า บัดนี้ในโลกนี้มีผู้ก่อการร้ายมากเกินไปแล้ว เราจะไม่เพิ่มจำนวนผู้ก่อการร้ายขึ้นอีก จะต้องทำความเข้าใจว่า เสียงก่นด่าของเขา มิใช่มาจากปัญหาแห่งการทำงานร่วมกันเสียแล้ว แต่เป็นอุปนิสัยอันถาวรอันฝังลึกลงไปในสันดานที่ยากแก่การเปลี่ยนแปลงแก้ไข คิดถึงหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ว่า สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม แล้วก็ให้อภัยเขา กลับไปรักษาใจเราให้ปกติไม่ต้องไปหวั่นไหวอะไรกับเสียงก่นด่าที่มาจากจิตอันผิดปกติของเขาเหล่านั้น  หากด่ามาแล้วให้อภัยไปแล้ว เขายังไม่ยอมหยุดก็ต้องให้อภัยกันต่อไป เวลาผ่านไปนานๆ ฝ่ายตั้งรับจะมีทักษะในการให้อภัยเพิ่มขึ้น ความสุขเริ่มมีมากขึ้นและเพิ่มมากขึ้น ต่อไปเสียงก่นด่านั้น ก็คือเสียงบอกบุญ คือบุญที่ได้จากอภัยทานอันเป็นบุญใหญ่ เมื่อเสียงด่าลอยมาก็บอกกับตนเองว่า ได้เวลาทำบุญอีกแล้ว

5 ใช้วิปัสสนาเข้าช่วย การเจริญวิปัสสนา คือ การเห็นสิ่งต่างๆตามความเป็นจริง พระพุทธเจ้าสอนว่า รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ และธรรมารมณ์ที่ผ่านเข้ามา ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ ล้วนเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ตามเหตุปัจจัยอย่างรวดเร็ว

เรื่องของเสียงด่า ในแนวทางวิปัสสนา เป็นเรื่องเสียงมากระทบหู ที่กระทบแล้ว ก็หายไปอย่างรวดเร็ว ไม่มี สัตว์ ไม่มีบุคคล ไม่มีตัวตน ไม่มีเรา ไม่มีเขา มาสมอ้างว่า ใครด่าใคร หรือใครถูกด่า  เป็นเพียงปรากฏการณ์ที่ผ่านมาแล้วผ่านไป เกิดขึ้นแล้ว ดับไป หากทำความเข้าใจตามแนวทางวิปัสสนาได้ปัญหาเรื่องการด่าจะยุติลงทันทีที่คนด่าหุบปากลงไป

เมื่อตอบปัญหาตามปัญญาที่มีอยู่จบลง ผู้ฟังก็เริ่มเข้าใจ ยิ้มได้ ก่อนจะจากลากันไปก็บอกว่า ที่อธิบายมาทั้งหมดสามารถเข้าใจได้ จะพยายามทำอย่างเต็มที่ ต้องใช้วิธีบูรณาการผสมผสานตามสถานการณ์ แล้วเธอก็กราบลาอย่างเป็นทางการเดินไปขึ้นรถขับออกจากวัดไป จนบัดนี้ยังไม่มาส่งข่าวว่าสถานการณ์เป็นประการใด คาดการณ์ว่า เธอคงประสบความสำเร็จในการใช้ธรรมะแก้ปัญหาและทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่างมีความสุขมากขึ้น

    วันที่ 7 พฤษภาคม 2561 เวลา 5.32 น.
    วัดพุทธปัญญา เมืองโพโมน่า รัฐแคลิฟอร์เนีย
   

 




นำเสนอข่าวโดย : ภาณุพล รักแต่งาม,
แหล่งที่มาข่าวโดย : สยามทาวน์ยูเอส
12-07-2022 บันทึกไว้สมัยเรียนบาลี : ตอนที่ 50 สุดทางสายบาลี (0/2823) 
06-07-2022 บันทึกไว้สมัยเรียนบาลี : ตอนที่ 49 ฝึกฝนตนที่วัดชลประทานรังสฤษฎ์ (0/656) 
28-06-2022 บันทึกไว้สมัยเรียนบาลี : ตอนที่ 48 สอบได้แต่แม่เสีย (0/622) 
20-06-2022 บันทึกไว้สมัยเรียนบาลี : ตอนที่ 47 สอบเปรียญธรรม 7 ประโยคได้ (0/687) 
07-06-2022 บันทึกไว้สมัยเรียนบาลี : ตอนที่ 46 กราบหลวงพ่อปัญญานันทะ (0/676) 

แสดงความคิดเห็น

Name :

Detail :




ฉบับที่
599
siamtownus newspaper








Hots Clip VDO ดูทั้งหมด

ขออภัยสัญญาณ VDO มีปัญหากำลังดำเนินการแก้ไข