งานไทยนิวเยียร์เดย์ สงกรานต์เฟสติวัล ครั้งที่ 13 ประจำปี 2018 ผ่านพ้นไปอย่างยิ่งใหญ่เมื่อวันอาทิตย์ที่ 22 เมษายน ที่ผ่านมา บนถนนฮอลลีวูด เต็มพื้นที่ไทยทาวน์ โดยเริ่มจากพิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์จากวัดต่างๆ จำนวนกว่า 50 รูป ในช่วงเช้าตรู่ ต่อด้วยขบวนพาเหรดวัฒนธรรม พิธีเปิดงานที่มีบุคคลสำคัญ เช่นนักการเมืองระดับต่างๆ มาร่วมหลายคน การสาธิตการปรุงอาหารไทย โดยเชฟจากร้านอาหารไทยที่ได้รับตรารับรอง ไทยซีเล็ก การชกมวยไทย การประกวดมิสไทยนิวเยียร์ยูเอสเอ การแสดงของศิลปินรับเชิญจากประเทศไทย และศิลปินท้องถิ่น รวมถึงการแสดงศิลปะวัฒนธรรมต่างๆ เรื่อยไปจนถึงเวลาปิดงาน ซึ่งปีนี้เป็นปีแรกที่คณะกรรมการจัดงานขยายเวลาปิดงานออกไปจนถึง 20.00 น. (จากเดิม 18.00 น.) เพราะได้รับอนุญาตจากสำนักงานดับเพลิงของเคาน์ตี้ ให้ยืดเวลาการเก็บสถานที่, ทำความสะอาด เพื่อเปิดถนนให้รถสัญจรได้ตามปกติออกไปเป็นตีสอง จากเดิมที่จะต้องเปิดถนนในเวลาเที่ยงคืน
ในส่วนของบุคคลสำคัญที่เดินทางมาร่วมเป็นเกียรติในงานไทยนิวเยียร์เดย์ สงกรานต์เฟสติวัล ประจำปีนี้นั้น ประกอบไปด้วย ลอร่า ฟรีดแมน ส.ส.รัฐแคลิฟอร์เนีย, มาเรีย เอเลน่า ดูราโซ่ ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นวุฒิสมาชิกของรัฐแคลิฟอร์เนีย, อีริค การ์เซ็ตติ นายกเทศมนตรีของนครลอส แอนเจลิส, มิทช์ โอ’ฟาเรลล์ สมาชิกสภาเมืองแอลเอ เขต 13, เดวิด หลิว สมาชิกสภาเมืองแอลเอ เขต 4, ทอม ลาบอนจ์ อดีตสมาชิกสภาเมืองแอลเอ เขต 4 ฯลฯ โดยบางคน นอกจากจะเข้าร่วมในพิธีเปิดงานบนเวทีแล้ว ยังเข้าร่วมในขบวนพาเหรดวัฒนธรรม อีกด้วย
ในส่วนของ อีริค การ์เซ็ตติ นั้น สมัยที่ยังเป็นสมาชิกสภาเมืองแอลเอ เขต 13 เขาเดินทางมาร่วมงานไทยนิวเยียร์เดย์ สงกรานต์เฟสติวัล เป็นประจำทุกปี และการเดินทางมาร่วมงานปีนี้ ถือเป็นครั้งแรกของเขา นับตั้งแต่ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีของนครลอส แอนเจลิส เมื่อปี 2013
“ผมมารวมงานนี้แทบทุกปี งานนี้คืองานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของลอส แอนเจลิส ถ้าไม่ใช่ของโลก ผู้คนพากันมา มาดูวัฒนธรรม มากินอาหาร แต่พวกเขาจะอยู่ เพื่อเข้าใจความลึกซึ้งและความเข้มข้นของมิตรภาพระหว่างเรากับประเทศไทย” นายกเทศมนตรีของเมืองแอลเอ กล่าว
อีริค การ์เซ็ตติ พูดถึง “ไทยทาวน์” ของเมืองแอลเอ ว่า เป็นไทยทาวน์เพียงแห่งเดียวนอกราชอาณาจักร “เรามีคนไทยอยู่ที่นี่มากที่สุดนอกราชอาณาจักรไทย ดังนั้นในโอกาสนี้ ผมจึงขอประกาศว่า ลอส แอนเจลิส คือเมืองของคนไทยที่ยิ่งใหญ่ที่สุด (the great Thai city) ที่เราภาคภูมิใจมาก”
นายกเทศมนตรี บอกด้วยว่าเขาพูดถึงเมืองไทยในฐานะคนที่เคยใช้เวลาช่วงหนึ่งอยู่ที่ประเทศไทย จึงเข้าใจว่าวัฒนธรรมไทยนั้นอุดมสมบูรณ์ไปด้วยวัฒนธรรม ประเพณี ศาสนา ดนตรี อาหาร ฯลฯ รวมถึงบอกว่าความภาคภูมิใจของคนไทยคือการมีเอกราชมายาวนาน และมีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นสถาบันสูงสุด
“พวกเรารู้สึกเหมือนเป็นพี่น้องกับ จะว่าไป กรุงเทพฯ ซึ่งชื่อเต็มยาวมากนั้น มีความหมายว่า เมืองนางฟ้า เหมือนลอส แอนเจลิส เราแบ่งปันความเหมือนกันหลายอย่าง ผมแทบรอไม่ไหวที่จะเห็นคนไทย อพยพมา หรือมาเยี่ยมเราในฐานะนักท่องเที่ยว นักลงทุนที่ลอส แอนเจลิส และเช่นเดียวกัน (พูดกับอเมริกัน) ถ้าคุณยังไม่เคยไปประเทศไทย คุณพลาดแล้วล่ะ ในนามของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ผมขอบอกว่า ไปเที่ยวเมืองไทยกัน คุณไม่ผิดหวังแน่ มันสวยงาม อเมซิ่ง คุณคิดว่าในงานนี่เยี่ยมแล้วใช่ไหม ไปเมืองไทยสิ แต่ละพื้นที่ต่างกัน ไปเหนือก็จะต่างแบบสิ้นเชิงกับทางใต้ที่คุณสามารถไปเที่ยวทะเลชายหาด เพราะทางเหนือ คุณสามารถไปดูชาวเขา ไปดูความอเมซิ่งอื่นๆ ได้...”
และในช่วงท้าย อีริค การ์เซ็ตติ กล่าวว่าตนขอใช้เวลาช่วงวันสงกรานต์ ปีใหม่ไทย ให้เป็นช่วงเวลาที่ชาวแอลเอ ต้องทบทวนถึงความแข็งแกร่งของมิตรภาพและความรัก เพราะนั่นคือสิ่งที่ชาวอเมริกันต้องการมากที่สุดในช่วงเวลาที่ประเทศมีผู้นำที่ต้องการแบ่งแยกพวกเรา
จากนั้น อีริค การ์เซ็ตติ ได้ให้สัมภาษณ์สยามทาวน์ยูเอส ถึงคามรูสึกที่ได้กลับมาร่วมงานไทยนิเวยียร์เดย์ฯ อีกครั้งว่าดีใจมาก เหมือนได้กลับบ้าน เพราะนี่คืองานวัฒนธรรมที่เขาเห็นว่า ดีที่สุดในแอลเอ เป็นงานวัฒนธรรมไทยที่ดีที่สุดในโลก นอกราชอาณาจักรไทย “ผมอยากให้มีวัฒนธรรมที่หลากลาย ผู้คนที่หลากหลายมารวมกันที่นี่ และผมชอบโปรโมทประเทศไทยให้กับ ลอส แอนเจลิส และโปรโมทลอส แอนเจลิส ให้ประเทศไทย”
และในโอกาสปีใหม่ไทย นายกเทศมนตรีของเมืองแอลเอ บอกว่า ตนขอกล่าวคำว่าแฮปปี้นิวเยียร์ สุขสันต์วันสงกรานต์มายังชุมชนไทยและเพื่อนของชุมชนไทยทั้งหมดด้วย
อนึ่ง นายสุรศักดิ์ วงศ์ข้าหลวง ประธานคณะกรรมการจัดงานฝ่ายมวยไทยและฝายประสานงานกับเทศบาลนครลอส แอนเจลิส เปิดเผยกับสยามทาวน์ยูเอส เมื่อเวลาประมาณ 19.00 น. หรือก่อนปิดงานไทยนิวเยียร์เดย์ สงกรานต์เฟสติวัล ครั้งที่ 13 ว่า เจ้าหน้าที่ของหน่วยงานดับเพลิง ได้เอาเอกสารมาให้ตนเซ็นรับรองว่า ตัวเลขประเมินของผู้คนที่มาร่วมงานในปีนี้ตลอดวันสูงถึงสี่แสนคน
“ผมถามว่าเขาดูจากอะไร เขาบอกว่าเขาสุ่มจากพื้นที่ในหลายๆ จุด ตลอดวัน บอกว่าคนเข้าๆ ออกๆ ตลอดวันไม่น้อยกว่านี้... ซึ่งสี่แสนคนนี่สูงมาก ถือว่าเพิ่มขึ้นมาสองเท่าเลยจากตัวเลขเดิม คือสองแสน ที่เขาเคยประเมินเอาไว้”
นายสุรศักดิ์ วงศ์ข้าหลวง กล่าวว่าการประเมินตัวเลขผู้มาร่วมงานดังกล่าว เป็นไปเพื่อให้หน่วยงานดับเพลิงสามารถตรวจสอบแบบฟอร์มขออนุญาตปิดถนนในปีต่อๆ ไป ว่ามีการจัดเตรียมระบบสาธารณูปโภค เช่นห้องน้ำเคลื่อนที่ อ่างล้างมือ ถังขยะ ฯลฯ เพียงพอกับจำนวนผู้มาร่วมงานหรือไม่ รวมตลอดถึงจำนวนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เจ้าหน้าที่พยาบาลและรถพยาบาล ฯลฯ ด้วย
“พอเขาบอกตัวเลขมาก เราก็ดีใจนะครับ เพราะไหนๆ ก็เหนื่อยกันมาเป็นเดือนๆ แล้ว ทำงานแล้วมีคนมาเยอะ พวกเราก็ดีใจ แต่ก็นั่นแหละ ตัวเลขนี้จะทำให้ต้นทุนการจัดงานปีหน้าเพิ่มขึ้นอีกหรือเปล่า เพราะเดิมเขาประเมินว่างานเรามีคนมาแค่สองแสนคน” นายสุรศักดิ์ วงศ์ข้าหลวง กล่าว.