แคลิฟฯออกใบขับขี่โรบินฮูดผ่าน “ล้านใบ”
สำนักงานขนส่ง (ดีเอ็มวี) ของรัฐแคลิฟอร์เนีย แถลงเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2018 ว่า หลังจากที่เริ่มออกใบขับขี่ชนิดพิเศษให้กับผู้มีเอกสารแสดงตนไม่ครบถ้วน มาเป็นเวลากว่าสามปี ล่าสุด นับจขนถึงสิ้นเดือนมีนาคม 2018 ดีเอ็มวีของรัฐแคลิฟอร์เนีย ได้ออกใบขับขี่ชนิดนี้ มากกว่าหนึ่งล้านใบแล้ว
โดยกฎหมาย เอบี 60 ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2015 ระบุให้ ดีเอ็มวี ออกใบขับขี่ให้กับผู้ที่สามารถแสดงหลักฐานได้ว่ามีถิ่นพำนักอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย รวมถึงมีคุณสมบัติอื่นๆ ครบถ้วน โดยไม่ต้องคำนึงว่าผู้ยื่นขอทำใบขับขี่นั้น อาศัยอยู่ในอเมริกาโดยถูกต้องหรือไม่ โดยใบขับขี่ชนิดพิเศษดังกล่าวนี้ ต้องทำการต่ออายุทุกๆ 5 ปี
ผู้สนับสนุนกฎหมายฉบับนี้ รวมถึงหน่วยงานตำรวจของเมืองแอลเอ และสำนักงานเชอรีฟ ของแอลเอ เคาน์ตี้ เห็นพ้องกันว่า การเปิดโอกาสให้ผู้ใช้รถทุกคนสามารถทำใบขับขี่ได้ จะทำให้ถนนหนทางในรัฐแคลิฟอร์เนียมีความปลอดภัยมากขึ้น เพราะการมีใบขับขี่หมายถึงผู้ใช้รถได้ผ่านการทดสอบ ทั้งสอบขับรถและสอบข้อเขียนเกี่ยวกับกฎจราจร นอกจากนั้น ยังทำให้ผู้ใช้รถทุกคนสามารถซื้อประกันภัยตามที่กฎหมายกำหนด ปัญหา “ชนแล้วหนี” จึงลดลง ดังที่ปรากฎในผลวิจัยของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ที่ระบุว่าปัญหา “ชนแล้วหนี” ในรัฐแคลิฟอร์เนียลดลงถึง 7 เปอร์เซ็นต์ หลังกฎหมาย เอบี 60 มีผลบังคับใช้ปีแรก
ที่ผ่านมา ดีเอ็มวี ของรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเมินว่ามี “โรบินฮูด” ที่ขับรถโดยไม่มีใบขับขี่ และไม่มีประกันภัยอยู่ในแคลิฟอร์เนีย ประมาณ 1.4 ล้านคน ซึ่งหากตัวเลขดังกล่าวเป็นตัวเลขจริง หมายถึงยังเหลือผู้ที่ขับรถโดยไม่มีใบขี่อีกประมาณสี่แสนคนเท่านั้น
ทั้งนี้ ใบขับขี่ชนิดพิเศษดังกล่าวนี้ มีลักษณะคล้ายกับใบขับขี่ปกติทุกอย่าง เพียงแต่มีคำว่า Federal limits apply” กำกับอยู่ที่ด้านหน้า ส่วนด้านหลังมีข้อความขนาดเล็กว่า "This card is not acceptable for official federal purposes. This license is issued only as a license to drive a motor vehicle. It does not establish eligibility for employment, voter registration, or public benefits.”
ในอดีต ชาวต่างชาติทุกคน รวมถึงกลุ่มที่เข้าเมืองแบบผิดกฎหมาย หรืออยู่เกินวีซ่า สามารถทำใบขับขี่ได้ในทุกรัฐ จนถึงปี 1993 รัฐแคลิฟอร์เนีย เป็นรัฐแรกที่ไม่อนุญาตให้ผู้อยู่แบบไม่ถูกต้องทำใบขับขี่ ก่อนที่รัฐอื่นๆ อีก 46 รัฐจะปฏิบัติตาม โดยปัจจุบัน นอกจากรัฐแคลิฟอร์เนียแล้ว ยังมีรัฐอื่นๆ อีก 11 รัฐ รวมถึง วอชิงตัน ดีซี และปัวโตริโก้ ที่อนุญาตให้ประชาชนของตัวเองทำใบขับขี่ โดยไม่สนใจเรื่องสถานภาพของบุคคลผู้นั้น.
ชาวแอ็คโค่ปาร์คโวย “กูเกิลแม็พ-Waze” ทำป่วน
สถานี เคทีแอลเอ รายงานข่าวเมื่อวันที่ 4 เมษายนว่า แอพนำทาง หรือ navigation apps เช่น Waze และ Google Maps คือต้นเหตุทำให้มีอุบัติเหตุเพิ่มขึ้นอย่างมากบนถนนชื่อ Baxter St. ในย่านแอ็คโค่ ปาร์ค ซึ่งเป็นถนนขนาดเล็ก แคบ และสูงชัน ทำให้เกิดอันตรายกับคนขับรถที่ไม่คุ้นชินกับเส้นทาง
แอพนำทางที่ถูกเอ่ยอ้างทั้งสองชนิด เป็นแอพที่ได้รับความนิยมอย่างสูง เพราะสามารถเลี่ยงเส้นทางที่มีปัญหารถติด โดยเลือกใช้เส้นทางอื่นๆ ที่มีปริมาณรถยนต์น้อยแทน ทำให้ถนน Bater กลายเป็นเส้นทางสัญจรของผู้ที่ต้องการหนีปัญหารถติดบนถนนเกลนเดล หรือถนนบริเวณรอบๆ มากขึ้น ถึงขั้นทำให้เกิดปัญหารถติดในชั่วโมงเร่งด่วน
นอกจากปัญหาเรื่องปริมาณรถ ที่มากเกินกว่าถนนเส้นเล็กๆ จะรองรับได้แล้ว ความสูงชันของถนน ก็ทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นแทบทุกวัน
“ถนนมันชันมาก เมื่อคุณขึ้นไปจนเกือบถึงบนสุด คุณต้องชะลอรถ และต้องหยุดก่อนที่จะลงเนิน ถ้ารถคันที่ตามมาไม่ระวังก็จะชนท้ายเอา เพราะไม่เห็นว่าถึงด้านบนของเนินแล้ว เขาไม่รู้ว่าคุณจะหยุด” ข่าวอ้างคำกล่าวของประชาชนในย่านนั้น ที่บอกว่ากำลังอยู่ในสภาพ “เหลือทน” กับปัญหาใหม่ที่เกิดขึ้นพร้อมกับ แอพนำทาง ยอดนิยมของเมืองแอลเอ
“ขนาดไม่มีฝน ยังชนกันวุ่นวายขนาดนี้ ไม่ต้องบอกกระมังว่าถ้าวันไหนฝนตก แถวนี้จะยุ่งเหยิงขนาดไหน”
เกี่ยวกับเรื่องนี้ สตีฟ โลเปซ คอลัมนิสต์ของ แอลเอ ไทมส์ ได้นำเสนอบทความเมื่อวนที่ 4 เมษายน โดยบอกว่าถนน Baxter St. ถูกสร้างขึ้นเมื่อกว่าร้อยปีที่แล้ว และถูกออกแบบให้เป็นเส้นทางของสัตว์ เช่นแพะ มากกว่าผู้คนหรือรถยนต์ เป็นถนนที่มีความลาดชันมากเป็นอันดับสามของเมืองแอลเอ
ข่าวบอกว่าประชาชนในย่านแอ็คโค่ปาร์ค ได้ร่วมกันทำหนังสือแจ้งไปยัง Waze เพื่อบอกเล่าถึงปัญหาที่เกิดขึ้น รวมถึงแนะนำให้ลบถนนเส้นนี้ออกจากระบบ แต่ได้รับคำตอบว่าไม่สามารถทำได้ และล่าสุดเมื่อวันที่ 4 เมษายน ตัวแทนของประชาชน ได้เข้าพบปรึกษาหารือกับ มิทช์ โอ’ฟาเรลล์ สมาชิกสภาเมือง เขต 13 ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที และตัวแทนจากแผนกขนส่งมวลชนของเมืองแอลเอ เพื่อพูดคุยถึงปัญหาที่เกิดขึ้น โดยข่าวบอกว่ามีการพูดคุยถึง “ทางออก” หลายอย่าง รวมถึงการปรับให้ถนน Baxter เป็นถนนวันเวย์ด้วย.
ประดับดาว “ลินดา คาร์เตอร์”
หลังจากที่สร้างชื่อเสียงโด่งดังจากบท “สาวน้อยมหัศจรรย์” มานานหลายสิบปี ในที่สุด ลินดา คาร์เตอร์ เจ้าของบท “Wonder Woman” ฉบับจอแก้ว ก็ได้รับการ “ประดับดาว” บนฮอลลีวูด วอล์ค ออฟ เฟม แล้วเมื่อวันที่ 3 เมษายน ที่ผ่านมา ในวันที่เธออายุ 66 ปี โดยดาวของ ลินดา คาร์เตอร์ ถือเป็นดาวดวงที่ 2,632
“ดูเหมือนเป็นเรื่องเหลือเชื่อ แต่ฉันอยู่ในวงการบันเทิงมานานกว่า 50 ปีแล้วนะ คิดดูสิ และฉันรักมันทุกนาทีเลย” ดาราจอแก้วชื่อดังกล่าว ท่ามกลางเสียงโห่ร้องชื่นชมของแฟนๆ ที่มาเป็นกำลังใจให้เธอเป็นจำนวนมาก
แม้จะแจ้งเกิดจากซีรีย์ Wonder Woman ที่แพร่ภาพระหว่างปี 1975-1979 แต่ ลินดา คาร์เตอร์ ก็ยังคงมีผลงานการแสดงสม่ำเสมอ ล่าสุดเธอรับบทเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในซีรีย์ Supergirl ทางช่อง CW.